ภาพยนตร์ดรามาดัดแปลงจากละครเวทีชื่อเดียวกัน ผลงานเขียนของ Stephen Karam นักเขียนบทละครเชื้อสายเลบานีส-อเมริกัน เปิดแสดงครั้งแรกแบบ Off-Broadway ที่ Laura Pels Theatre วันที่ 30 กันยายน 2015 และได้รับเสียงวิจารณ์ชื่มชมอย่างท่วมท้น จึงได้ย้ายมาเปิดแสดงในบรอดเวย์ที่ Helen Hayes Theatre ตั้งแต่ 18 กุมภาพันธ์ 2016 จนถึง 15 มกราคม 2017

ฉบับละครเวทีสามารถคว้ารางวัล Tony ในสาขาบทละครยอดเยี่ยม (Best Play), นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Reed Birney), นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (Jayne Houdyshell), การออกแบบฉากยอดเยี่ยม (David Zinn) นอกจากนี้ตัวบทละครยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Pulitzer สาขาดรามาในปี 2016 ซึ่งรางวัลในปีนั้นตกเป็นของ HAMILTON (Lin-Manuel Miranda)

Don’t you think it should cost less to be alive?

ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการดัดแปลงจากบทละครมาเป็นบทภาพยนตร์โดยตัว Stephen Karam ซึ่งเป็นเจ้าของบทละครต้นฉบับเอง นอกจากนี้เขายังรับหน้าที่เป็นผู้กำกับเอง และภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเป็นผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาอีกด้วย โดยฉบับภาพยนตร์นี้ยังได้ Jayne Houdyshell มารับบท Deirdre Blake ซึ่งเป็นบทที่ทำให้เธอคว้ารางวัล Tony สาขานักแสดงสมทบหญิงมาได้

Erik Blake (Richard Jenkins) พา Deirdre (Jayne Houdyshell) ภรรยาของเขา, Momo (June Squibb) แม่ของเขา และ Aimee (Amy Schumer) ลูกสาวคนโต มาเยี่ยมเยียนและร่วมฉลองวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) ที่อพาร์ตเมนต์ของ Brigid (Beanie Feldstein) อาศัยอยู่กับ Richard (Steven Yeun) แฟนหนุ่มของเธอ ที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ จึงนับถือเป็นโอกาสฉลองขึ้นบ้านใหม่ไปด้วยเลย แม้ว่าอะไรหลายๆ อย่างยังดูไม่ค่อยเข้าที่เข้าทาง เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ก็ยังส่งมาไม่ถึง สภาพของอพาร์ตเมนต์ก็เป็นอาคารเก่าค่อนข้างทรุดโทรม ทางเข้าออกก็ดูคับแคบไปหมด

ระหว่างที่ภาพยนตร์กำลังดำเนินไป ผู้ชมก็จะค่อยๆ ซึมซาบข้อมูลเกี่ยวกับสมาชิกของครอบครัวนี้ตั้งแต่ Momo แม่ของ Erik ที่ชรามาก ต้องนั่งรถเข็นและยังมีอาการภาวะสมองเสื่อมซึ่งต้องมีคนคอยดูแลตลอดเวลา

Erik ที่มีทำงานในโรงเรียนเอกชนชั้นนำมานานถึง 28 ปี ซึ่งทำให้เขาได้สวัสดิการส่งลูกสาวเข้าเรียนได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เขามีแผนที่จะทำบ้านริมทะเลสาบซึ่งลูกสาวของเขาก็ตั้งตารอที่จะได้ฉสองคริสต์มาสที่นั่น แต่ดูเหมือนเขายังมีความลับที่เก็บซ่อนไว้ ซึ่งจะมีฉากหนึ่งที่ Deirdre กระซิบเดือนให้ Erik พูดเรื่องสำคัญบางอย่างกับทุกคนก่อนเวลาอาหารเย็น

Deirdre ภรรยาของ Erik เธอเป็นผู้หญิงที่มีความสนใจในข่าวและเรื่องรอบตัว เธอมักจะส่งข่าวและบทความที่เธอคิดว่าน่าสนใจให้กับลูกสาวทั้งสองคนของเธอทั้งทางข้อความและอีเมล์ แต่แทบจะไม่ได้รับการตอบรับจากลูกสาวของเธอเท่าไหร่ พวกลูกสาวของเธอกลับไม่ค่อยใส่ใจและคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ

ในค่ำคืนนั้น ความลับของสมาชิกแต่ละคนก็ค่อยๆ เปิดเผยออกมา Aimee ลูกสาวคนโตเปิดเผยว่าเธอเพิ่งโดนไล่ออกจากงานเนื่องจากอาการป่วยบางอย่างของเธอทำให้เธอไม่สามารถเข้าทำงานได้ตามปกติ นอกจากนี้เธอก็ยังเพิ่งเลิกกับแฟนสาวที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน

Brigid ลูกสาวคนเล็กที่มีความไฝ่ฝันอยากเป็นศิลปินผู้ประพันธ์เพลง แต่งานดนตรีของเธอก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ เธอไม่สามารถขอทุนเพื่อไปศึกษาพัฒนาต่อได้ ทำให้เธอต้องไปหางานทำที่ร้าน H&M ซึ่งทางครอบครัวก็ดูจะไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์แปรปรวนของเธอเท่าไหร่นัก

ชอบบรรยากาศ ทั้งฉาก เสียงเพลงประกอบ รวมถึงการใช้สีและแสงในเรื่องนี้มาก มันมีบางอย่างที่ดูสงบนิ่งและสยองขวัญในเวลาเดียวกัน ความอบอุ่นของช่วงเวลาที่ครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกันในอพาร์ตเมนต์ที่ดูเก่า และเหมือนมีบางสิ่งซ่อนอยู่ในความมืด

แน่นอนว่าไม่มีอะไรโผล่ออกมาเพราะเรื่องนี้ไม่มีผี แต่ความวังเวงในห้องที่ไม่คุ้นเคย ทางเดินยาวแคบๆ กระจกที่เห็นเงาลางๆ ของด้านนอก ประตูที่เปิดเองเพราะสภาพผ่านการใช้งานมานาน เสียงกระแทกตึงตังจากผู้เช่าชั้นบน หลอดไฟที่ขาดเอง ก็ทำให้จินตนาการพลุ่งพล่านได้

ชอบเทคนิคการถ่ายที่ไม่ได้โฟกัสแค่คนที่กำลังพูดแต่กล้องมักจะจับภาพของผู้ฟังมากกว่า เฟรมกล้องที่เลื่อนผ่านไปและบางทีก็หยุดนิ่งที่มุมหนึ่ง บางครั้งก็เป็นภาพมุมกว้าง หรือเป็นแค่ภาพเงาในกระจก แต่ผู้ชมก็ยังคงได้ยินเสียงการสนทนาอยู่ตลอด ในบางครั้งก็ตั้งใจออกห่างจากตัวละครจนทำให้เสียงการสนทนาแผ่วลงจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง ขณะที่กล้องกำลังโฟกัสอยู่กับตัวละครอีกตัวหนึ่งที่ไม่ได้มีบทพูดอะไรเลย นักแสดงทุกคนเล่นได้ยอดเยี่ยม ดูเป็นธรรมชาติมาก ไม่มีอะไรจะติ นอกจากนี้ยังรู้สึกประทับใจฉากเปิดเรื่องและฉากจบมากเป็นพิเศษ

THE HUMANS ฉายรอบปฐมทัศน์ที่งาน TIFF (Toronto International Film Festival วันที่ 12 กันยายน 2021 และเปิดฉายในโรงภาพยนตร์ในประเทศสหรัฐอเมริกาวันที่ 24 พฤศจิกายน พร้อมกับปล่อยสตรีมมิงบน Showtime ในวันเดียวกัน