Henk Rogers (Taron Egerton) นักออกแบบเกมชาวดัตช์ ผู้ก่อตั้งบริษัท Bullet-Proof Software เจ้าของเกม ザ・ブラックオニキス (The Black Onyx) ที่วางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นสำหรับเครื่อง PC-8801 ของ NEC ในปี 1984 (ซึ่งต่อมา ก็ได้รับการพอร์ตไปลงแพลตฟอร์มอื่นๆ รวมถึง Famicom ในปี 1988 และ Game Boy Color ในปี 2001) เดินทางไปโปรโมท GO (囲碁 九路盤対局) เกมหมากล้อม ที่งาน Consumer Electronics Show (CES) ในลาสเวกัส

ที่งาน CES เขาได้พบกับเกม Tetris เป็นครั้งแรก และมันกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เขาหมกมุ่นกับการหาทางเป็นเจ้าของสิทธิ์การจัดจำหน่ายเกมในประเทศญี่ปุ่น เขาเชื่อว่ามันจะทำยอดขายได้ถล่มทลาย

แต่ผู้ถือสิทธิ์การจัดจำหน่ายเกมทั่วโลกเป็นของ Mirrorsoft บริษัทเกมสัญชาติอังกฤษของ Robert Maxwell (Roger Allam) ซึ่ง Robert ได้มาพร้อมกับการเข้าซื้อ Mirror Group สื่อหนังสือพิมพ์ในปี 1984

เกม Tetris เป็นผลงานของ Alexey Leonidovich Pajitnov (Nikita Efremov) โปรแกรมเมอร์ของ Росси́йская акаде́мия нау́к (PAH) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์รัสเซีย

เขาใช้เวลาว่างสร้างเกมนี้ขึ้นมาบน Электроника 60 (Electronika 60) เครื่องคอมพิวเตอร์ผลิตโดยสหภาพโซเวียต (ร่างโคลนของ LSI-11 คอมพิวเตอร์ที่ผลิตขึ้นในปี 1975) และกลายเป็นเกมที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักวิจัยของสถาบัน

Alexey จึงแปลงโค้ดเกมสำหรับเครื่อง IBM ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์สามัญในสมัยนั้น เกม Tetris ถูกก็อปปี้ส่งต่อกันไปเรื่อยๆ กระจายไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว โดยที่ Alexey ไม่ได้ถือสิทธิ์ครอบครองเกมนี้ เพราะทุกสิ่งที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นมาถือเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐทั้งหมด

Robert Stein (Toby Jones) เจ้าของ Andromeda Software ซึ่งหาเงินด้วยการเดินทางไปซื้อสิทธิ์เกมถูกๆ ในยุโรปตะวันออก และนำมาขายต่อในราคาสูง เขาค้นพบเกม Tetris ระหว่างการแวะเยี่ยมชม SZTAKI (Számítástechnikai és Automatizálási Kutatóintézet) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ในบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี เขาเชื่อว่าเกม Tetris มีศักยภาพพอจะเป็นเกมขายดีในตลาดระดับโลก

เขาจึงติดต่อไปที่ Московский Вычислительный Центр (Moscow Computing Center) เพื่อขอซื้อสิทธิ์จาก Alexey ในการจัดจำหน่ายเกม Tetris ทั่วโลกสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยเสนอเงิน 10,000 เหรียญสหรัฐ และค่าตอบแทน 2 เซนต์ต่อเกมที่ขายได้

แต่ Alexey ไม่ได้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา เรื่องการขอซื้อสิทธิ์จึงถูกส่งต่อไปให้ Nikolai ​Evgenievich Belikov (Oleg Shtefanko) ผู้อำนวยการของ Электро́норгтехника / Elektronorgtechnica (Элорг / ELORG) องค์กรของรัฐที่ควบคุมการนำเข้า/ส่งออกอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ทั้งหมดในสหภาพโซเวียต ซึ่งตกลงทำสัญญาขายสิทธิ์ให้กับ Robert Stein

Robert Stein ไม่ต้องการลงทุนจัดจำหน่ายเกมด้วยตัวเอง เขาขายสิทธิ์เกม Tetris ให้กับบริษัท Mirrorsoft ซึ่งมี Kevin (Anthony Boyle) ลูกชายของ Robert Maxwell เป็นผู้บริหารสูงสุด

หลังจากนั้นตัวแทนของ Mirrorsoft ก็ได้ขายสิทธิ์การจัดจำหน่ายเกม Tetris ในประเทศญี่ปุ่น สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ เกมคอนโซล รวมถึงเกมตู้อาร์เคด ให้กับ Henk ในงาน CES

Henk ไม่มีเงินพอที่จะซื้อสิทธิ์ เขาจึงบุกไปสำนักงานใหญ่ของ Nintendo และแอบเข้าไปพบกับ Hiroshi Yamauchi (Togo Igawa) ผู้บริหารสูงสุด เพื่อโน้มน้าวให้ Nintendo ตกลงยอมเป็นหุ้นส่วนกับบริษัท Bullet-Proof Software ในการจัดจำหน่ายเกม Tetris สำหรับคอนโซลแฟมิคอม

ทุกอย่างเหมือนจะลงตัวตามแผนที่ Henk วางเอาไว้ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ที่อยู่เหนือความคาดหมาย เมื่อ Henk ได้รับโทรศัพท์จาก Kevin แจ้งว่าสัญญาขายสิทธิ์ที่เขาเซ็นกับตัวแทนบริษัทในลาสเวกัสถือเป็นโมฆะ เนื่องจาก Kevin ยังไม่ได้เซ็นสัญญาทางฝั่ง Mirrorsoft ซึ่ง Mirrorsoft ได้ขายสิทธิ์การจัดจำหน่ายเกมตู้อาร์เคดในประเทศญี่ปุ่นให้กับบริษัท SEGA ไปแล้ว

เมื่อ Hiroshi ผู้บริหารบริษัทนินเทนโด รู้เรื่องที่ Henk ถูก Mirrorsoft หักหลัง เขาจึงเชิญ Henk ไปที่ศูนย์วิจัยของนินเทนโดในซีแอตเทิล ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อให้เขาได้เห็น Game Boy เครื่องเล่นเกมมือถือต้นแบบของนินเทนโด ที่กำลังจะเปิดตัวพร้อมกับเกม Super Mario Land

มันทำให้เขาเกิดไอเดีย การขายเครื่องเล่นเกมมือถือไปพร้อมกับเกม Tetris ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มตลาดผู้เล่นทุกวัย แทนที่จะขายเครื่องพร้อมเกม Mario ที่มีเป้าหมายเป็นเด็ก แต่เขายังไม่มีสิทธิ์สำหรับการจัดจำหน่ายเกมบนเครื่องเล่นเกมมือถือ

Henk จึงเดินทางไป Mirrorsoft เพื่อขอซื้อสิทธิ์การจัดหน่ายเกม Tetris สำหรับเครื่องเล่นเกมมือถือ โดยที่เขายังไม่รู้ว่าสิทธิ์ที่ Mirrorsoft ได้มานั้น ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงเกมตู้อาร์เคด และเครื่องเล่นเกมมือถือ Mirrorsoft จึงพยายามถ่วงเวลา เพื่อส่ง Robert Stein กลับเข้าไปทำสัญญาฉบับใหม่กับ ELORG

ขณะเดียวกัน Mirrorsoft ก็มีปัญหาภายใน ไม่ยอมจ่ายเงินค่า royalty fee จากการขายเกมตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญา

เมื่อ Henk รู้ว่า Robert Stein คือผู้ถือสิทธิ์การจัดจำหน่ายเกม Tetris ตัวจริงที่ได้ทำสัญญากับ ELORG เขาจึงยื่นข้อเสนอซื้อสิทธิ์สำหรับเครื่องเล่นเกมมือถือเป็นจำนวนเงิน 25,000 เหรียญสหรัฐ

แต่ Henk กลับถูก Robert Stein หักหลัง ด้วยการขายสิทธิ์เครื่องเล่นเกมมือถือให้กับบริษัท ATARI คู่แข่งของ Nintendo America ทำให้ Nintendo ไม่พอใจ และยังทำให้ Kevin Maxwell โกรธมาก เพราะ Mirrorsoft ไม่ได้ส่วนแบ่ง

ทั้ง Henk และ Kevin ต่างก็ไม่เชื่อใจ Robert Stein อีกต่อไป ต่างคนต่างก็มุ่งหน้าไปสหภาพโซเวียตด้วยตัวเอง เพื่อคว้าสิทธิ์การจัดจำหน่ายเกม Tetris จาก ELORG ที่รู้ความจริงว่าสัญญาเก่าที่เคยทำกับ Robert Stein มีช่องโหว่อยู่ที่คำจำกัดความของคอมพิวเตอร์ในสัญญาที่ไม่ละเอียดพอ (ทำให้ Mirrorsoft สามารถขายสิทธิ์สำหรับเครื่องเล่นเกมคอนโซลได้ด้วย ทั้งที่ ELORG ให้สิทธิ์สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเท่านั้น)

และส่วนที่สำคัญก็คือ ELORG ยังไม่เคยขายสิทธิ์เกมตู้อาร์เคดให้กับใครทั้งนั้น

ผลงานของ Jon S. Baird ผู้กำกับชาวสกอตที่มีผลงานสร้างชื่อจาก FILTH (2013) และบทภาพยนตร์โดย Noah Pink ผู้สร้าง Genius (2017) ซีรีส์สารคดีของ National Geographic

งานด้านองค์ประกอบศิลป์ เพลงประกอบ ไม่มีอะไรจะติ ทุกอย่างดูสวยงามสมราคาทุนสร้างกว่า 80 ล้านเหรียญสหรัฐ

ส่วนตัวไม่ค่อยถูกจริตกับการเล่าเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ มันทำให้เกิดความรู้สึกไม่ต่อเนื่อง เหมือนกับการกระโดดข้ามไปมาระหว่างช่วงเวลา หรือการพยายามแทรกบทให้นักแสดงสมทบได้มีบทบาท มันดูไม่ค่อยสมจริงอย่างบอกไม่ถูก และยังทำให้รู้สึกว่าภาพยนตร์ดูยาวเกินความจำเป็น แต่ช่วงท้ายของเรื่องมันก็ลุ้นระทึกจริง มีความทริลเลอร์แบบภาพยนตร์สายลับ

TETRIS ฉายรอบปฐมทัศน์ในงานเทศกาลภาพยนตร์ SXSW วันที่ 15 มีนาคม 2023 และปล่อยสตรีมมิงทาง Apple TV+ ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม

ถ้าชอบเกม TETRIS และอยากรู้ประวัติของมัน ขอแนะนำให้ชม The Story of Tetris ของ Gaming Historian เป็นสารคดีที่เล่าเรื่องได้สนุกมาก อัดแน่นไปด้วยรายละเอียด ทั้งประวัติของ Alexey Leonidovich Pajitnov และแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาสร้างเกม Tetris ขึ้นมา