“เรื่องราวของหญิงสาว 2 คน ที่ติดอยู่บนยอดหอส่งสัญญาณโทรทัศน์สูงกว่า 600 เมตร กลางทะเลทรายไร้ผู้คน โดยไม่มีทางลง ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหาร ไม่มีแม้แต่สัญญาณโทรศัพท์ที่จะส่งข้อความ หรือโทรขอความช่วยเหลือ
FALL
Scott Mann
(2022)
Becky Connor (Grace Caroline Currey) สูญเสีย Dan (Mason Gooding) คนรักของเธอในอุบัติเหตุระหว่างการปีนหน้าผา ที่มี Hunter (Virginia Gardner) เพื่อนรักของเธอร่วมปีนด้วย อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้ Becky ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง จมปลักอยู่ในความเศร้าโศกเป็นเวลานานเกือบหนึ่งปี ส่วน Hunter เพื่อนรักก็หลบหน้าหนีหายไปจากชีวิตของเธอ
จนกระทั่งวันหนึ่ง Hunter ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นคนทำคอนเทนต์บนโลกโซเชียลที่มีผู้ติดตามกว่าหกหมื่นคน โผล่หน้ามาเยี่ยมเธอหลังจาก James (Jeffrey Dean Morgan) พ่อของ Becky โทรไปขอร้องให้มาช่วยเกลี้ยกล่อมลูกสาวที่ไม่ยอมฟังคำแนะนำใดๆ จากพ่อ
Hunter เสนอไอเดียที่จะช่วยทำลายกำแพงความเศร้าโศกและความหวาดกลัวของ Becky ด้วยการไปปีนหอส่งสัญญาณโทรทัศน์ B67 ที่มีความสูง 625 เมตร (หอไอเฟลมีความสูง 330 เมตร) พร้อมกับเธอ ซึ่งตั้งใจจะไปปีนหอนี้เพื่อสร้างคอนเทนต์อยู่แล้ว เธอให้เหตุผลว่านอกจากมันจะเป็นการผจญภัยแล้ว เมื่อปีนถึงยอด Becky ก็จะสามารถโปรยเถ้ากระดูกของ Dan เพื่อปล่อยวางได้อีกด้วย
ในที่สุดทั้งคู่ก็สามารถปีนขึ้นไปถึงยอดของ B67 หอส่งสัญญาณโทรทัศน์เหล็กที่ตั้งอยู่กลางทะเลทรายมานานจนมีสนิมเกาะ บันไดผุพัง น็อตสกรูหลวมไปตามกาลเวลา Becky เอาชนะความกลัวและได้โปรยเถ้ากระดูกคนรักตามที่ตั้งใจ ส่วน Hunter ก็ได้ภาพวิดีโอหวาดเสียวน่าตื่นเต้นสำหรับผู้ติดตามช่องโซเชียลของเธอ
แต่แล้วก็เกิดสิ่งที่สองสาวไม่ได้คาดคิดไว้ก่อน (แน่นอนว่าผู้ชมคาดเดาได้ ถ้ามีภาพสัญญาณบอกใบ้เยอะกว่านี้ก็คงเป็น FINAL DESTINATION แล้วล่ะ!) บันไดเหล็กที่ผุพังหลุดออกจากเสาของ B67 กลายเป็นเหตุทำให้ทั้งคู่ต้องติดค้างอยู่บนยอดของหอส่งสัญญาณกลางทะเลทรายไร้ผู้คน โดยไม่มีทางลง ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหาร ไม่มีแม้แต่สัญญาณโทรศัพท์ที่จะส่งข้อความหรือโทรขอความช่วยเหลือ
ผลงานภาพยนตร์เซอไวเวิลทริลเลอร์ของ Scott Mann ผู้กำกับชาวอังกฤษที่เขาร่วมเขียนบทกับ Jonathan Frank โดยใช้ความน่ากลัวของการติดอยู่บนที่สูงมาเป็นจุดขาย ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมที่เป็นโรคกลัวความสูง (Acrophobia) อาจเกิดอาการขนลุก หน้าชา มือเย็น เมื่อได้เห็นภาพของพื้นโลกจากความสูงกว่าครึ่งกิโลเมตร ที่ใช้เทคนิคจัดองค์ประกอบภาพ ถ่ายทำออกมาได้ดูสมจริง ดูยิ่งใหญ่และสวยงามมาก (สำหรับคนที่ไม่กลัวความสูง)
น่าเสียดายที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ความรู้สึกเหมือนตัวผู้กำกับไม่มั่นใจว่า การใช้เพียงแค่ผู้หญิง 2 คน กับการพยายามเอาชีวิตรอดจากการติดอยู่บนที่สูง จะสามารถดึงความสนใจผู้ชมตลอดระยะเวลาเกือบ 70 นาทีได้หรือเปล่า (ก่อนที่เนื้อเรื่องจะดำเนินไปถึงฉากปีนหอส่งสัญญาณก็ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง) เขาจึงยัดเยียดความดรามา พล็อตหักมุม รวมถึงฉากที่ตั้งใจใส่เข้ามาเพื่อให้ผู้ชมตกใจราวกับกำลังดูภาพยนตร์ผีสยองขวัญ ทั้งที่โครงเรื่องโดยรวมและบรรยากาศภาพทำออกมาได้สมจริงดีงามอยู่แล้ว
ส่วนที่ตั้งใจทำให้ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้นดันกลายเป็นฉากที่ดูไม่สมจริง อาทิ ฉากที่ตัวเอกรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาขณะที่กำลังจะกลิ้งตกจากแพลตฟอร์มเล็กๆ บนยอดหอ ซึ่งคนปกติก็คงใช้เชือกผูกตัวเองไว้กับเสา หรือฉากไต่เชือกโดยไม่มีอุปกรณ์คลิปตัวเองเอาไว้กับเชือก ทั้งที่มันเป็นสิ่งสามัญธรรมดาที่นักปีนผาต้องทำ
ถ้าตัดพวกความไม่สมจริงบางอย่างออกไปและพยายามไม่จับผิด ก็ต้องยอมรับว่า FALL เป็นภาพยนตร์ที่เล่นกับความสูงได้สนุกตื่นเต้น แม้ว่าเพลงประกอบที่ตั้งใจใส่เข้ามาในบางฉากเพื่อช่วยเสริมอารมณ์ กลับเด่นเกินหน้าฉากนั้นไปอีก ด้วยความอลังการดังสนั่นครึกโครม
FALL เข้าฉายโรงภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกาวันที่ 12 สิงหาคม 2022
หอส่งสัญญาณโทรทัศน์ B67 ที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่ใช่สถานที่จริง แต่เป็นหอที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก หอส่งสัญญาณวิทยุ KXTV/KOVR ที่มีอยู่จริงในเมืองวอลนัท โกรฟ รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีความสูง 625 เมตร และเป็นหนึ่งในโครงสร้างที่สูงที่สุดในโลก ทีมสร้างภาพยนตร์ได้สร้างหอส่งสัญญาณจำลองบางส่วนบนยอดเขาในทะเลทรายโมฮาวี เพื่อสร้างภาพลวงตาว่านักแสดงอยู่สูงหลายพันฟุตเหนือพื้นดิน