FINAL DESTINATION กลับมาอีกครั้งหลังจากสร้างความผิดหวังอย่างเลวร้ายในภาค 4 ซึ่งถ้านับกันจริงจังแล้วละก็ ภาคที่สนุกคือ 1 กับ 2 เท่านั้น แล้วก็มาภาค 5 เลย

ภาคนี้ก็ยังคงมีรูปแบบการดำเนินเรื่องที่เป็นเอกลักษณ์มาตั้งแต่ภาคแรก นั่นก็คือจะมีคนนึงในกลุ่มที่เห็นภาพนิมิตร ว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นที่ทำให้คนตายมากมาย และเขาก็จะต้องบอกกับคนอื่น ซึ่งก็จะมีคนที่ไม่เชื่อ (และก็ตายไป) และคนที่เชื่อ หรือเดินตามออกมาอย่างงงๆ ตามมาด้วยเหตุการณ์หายนะที่เกิดขึ้นจริง คนที่สมควรตายในเหตุการณ์แต่กลับรอด ก็จะโดนความตายตามเก็บทีละคนตามลำดับ

การเดินเรื่องภาคนี้ ช่างทำให้หวนรำลึกถึงภาคแรกยิ่งนัก กับความตายที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นตอนไหน ผู้ชมแทบจะเดาไม่ได้เลยว่า คนต่อไปจะตายอย่างไร แม้จะรู้อยู่แล้วว่าคนต่อไปที่จะต้องตายคือใคร มีรูปแบบที่ทั้งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องกันแบบโดมิโน หรือเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันแบบไม่ทันตั้งตัว สร้างอารมณ์ลุ้นได้อย่างสม่ำเสมอ บางทีก็ทำให้เกิดความคิดว่ามันน่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ก็ไม่เกิดซะงั้น เล่นกับการคาดเดาของคนดูได้สนุกมาก

ด้านเอฟเฟคก็ทำออกมาได้สมจริงทีเดียว (ชอบฉากสะพานถล่มมาก) ทั้งเสียงประกอบและภาพต่างๆ แม้ว่าผู้กำกับ Steven Quale จะเป็นผู้กำกับหน้าใหม่ที่ยังไม่มีเคยมีใครได้ยินชื่อ และได้นั่งแท่นเป็นผู้กำกับหนังยาวเรื่องแรกอีกด้วย แต่ถ้าไปแง้มดูผลงานใน imdb ก็จะพบว่า ผู้กำกับคนนี้ทำงานเป็น second unit director ในหนังของ James Cameron อย่าง AVATAR และ TITANIC ก่อนจะได้มาสำแดงฝีมือในภาพยนตร์เรื่องยาว FINAL DESTINATION 5

ภาคนี้น่าจะเป็นภาคสุดท้ายของ FINAL DESTINATION series แล้ว ถ้าใครได้ไปดูตอนจบของภาคนี้ก็คงจะเข้าใจว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น นอกจากนั้น ในภาคนี้ยังมีการเพิ่มกฏพิเศษที่ไม่เคยเห็นในภาคอื่นอีกด้วย