Latest

CHAOS WALKING

3000 1688 PRADT
3-MINUTE READ

CHAOS WALKING

Doug Liman
(2021)

★★★☆☆
 

ภาพยนตร์ดัดแปลงจากซีรีย์นิยายไซไฟ Chaos Walking ผลงานเขียนของ Patrick Ness เล่มแรกใช้ชื่อ The Knife of Never Letting Go ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 2008 โดยมีหนังสือตามมาอีกสองเล่มคือ The Ask and the Answer (2009) และ Monsters of Men (2010)

ในปี 2011 บริษัท Lionsgate ได้ลิขสิทธิ์การดัดแปลงหนังสือของ Patrick Ness เป็นภาพยนตร์ และได้จ้าง Charlie Kaufman (คนเขียนบท Being John Malkovich, Eternal Sunshine of the Spotless Mind, Adaptation, Anomalisa) เพื่อร่างบทแรกของภาพยนตร์ แต่ Charlie ได้ถอนตัวออกไป หลังจากนั้นบทร่างก็ถูกปรับอีกหลายครั้ง ผ่านมือนักเขียนบทหลายคน อาทิ Jamie Linden, Lindsey Beer, Gary Spinelli, John Lee Hancock, Christopher Ford รวมถึง Patrick Ness ผู้แต่งหนังสือเองอีกด้วย

จนกระทั่งปี 2013 ก็มีข่าวลือว่า Robert Zemeckis (ผู้กำกับ Back to the Future, Forrest Gump, The Polar Express, Monster House, Beowulf, A Christmas Carol, The Witches) จะมาเป็นผู้กำกับ แต่ท้ายที่สุดก็ได้ Doug Liman (ผู้กำกับ Go, The Bourne Identity, Mr. & Mrs. Smith, Jumper, Edge of Tomorrow) มานั่งแท่นผู้กำกับ และเริ่มการถ่ายทำกันในเดือนสิงหาคม – พฤศจิกายน 2017

หลังจากได้ผลตอบรับที่ไม่ดีนักในการฉาย screening ในปี 2018 จึงทำให้ต้องมีการถ่ายซ่อม แต่นักแสดงหลัก Daisy Ridley ติดคิวการถ่ายทำภาพยนตร์ The Rise of Skywalker และ Tom Holland ติดคิว Spider-Man: Far From Home การถ่ายซ่อมจึงเริ่มถ่ายทำได้ในเดือนเมษายน 2019 โดย Fede Álvarez เป็นผู้กำกับการถ่ายซ่อม ซึ่งใช้เงินเพิ่มอีก 15 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ทุนสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็น 100 ล้านเหรียญ

The Noise is a man’s thoughts unfiltered, and without a filter, a man is just chaos walking.

ปี 2257 หลังจากที่ประชากรชาวโลกส่วนหนึ่งได้ย้ายถื่นฐานมายังโลกใหม่ Todd (Tom Holland) ตัวเอกของเรื่อง เด็กผู้ชายที่เกิดมาในเมืองเล็กๆ ชื่อ Prentisstown ซึ่งเป็นพื้นที่ของมนุษย์บนดวงดาวนี้

เขาได้ฟังเรื่องราวของสงครามระหว่างมนุษย์และ Spackle สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนดาวดวงนี้มาก่อน จาก David Prentiss (Mads Mikkelsen) ผู้นำของเมือง สงครามครั้งนั้น Spackle ได้สังหารผู้หญิงทั้งหมดในเมือง รวมถึงแม่ของ Todd ด้วย

มนุษย์ทุกคนที่อยู่บนดาวนี้ จะมีสิ่งที่ทุกคนเรียกว่า Noise คือเสียงและภาพของความคิด ที่ส่งออกมาให้คนรอบข้างสามารถได้ยินและเห็นได้ แม้เจ้าตัวจะไม่ได้เอ่ยปากพูด ทำให้ทุกคนรู้ได้ยินและรู้ความคิดของคนอื่นอยู่ตลอด แม้แต่ตอนที่นอนหลับและกำลังฝัน (ในต้นฉบับหนังสือ สัตว์ต่างๆ รวมถึง Manchee สุนัขของ Todd ก็มี Noise เช่นกัน น่าเสียดายที่ภาพยนตร์ได้ตัดส่วนนี้ทิ้งไป) หลังจากที่ Todd สูญเสียแม่ไป เขาก็ได้รับการเลี้ยงดูโดย Ben (Demian Bichir) และ Cillian (Kurt Sutter)

หลังจากที่มนุษย์กลุ่มแรกมาตั้งถิ่นฐานที่นี่ โลกมนุษย์ก็ส่งยานอวกาศขนาดใหญ่เพื่อขนย้ายมนุษย์ที่ดาวดวงนี้ แต่การเดินทางต้องใช้เวลาถึง 64 ปี เมื่อยานเดินทางใกล้ถึงที่หมาย ก็พบว่าไม่สามารถติดต่อกับโคโลนีของมนุษย์กลุ่มแรกได้ จึงต้องส่งยานลำเล็กเพื่อลงมาสำรวจก่อน แต่เกิดอุบัติเหตุทำให้ยานตก Viola (Daisy Ridley) เป็นคนเดียวที่รอดชีวิต

เมื่อ David รู้ว่าผู้ที่รอดชีวิตเป็นผู้หญิง เขาก็มีความสนใจในตัวเธออย่างมาก หลังจากที่จับตัวเธอและได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับยาน เขาก็วางแผนที่จะซุ่มโจมที่เพื่อยืดยานอวกาศ

Viola ซึ่งรู้แผนชั่วจาก Noise จึงต้องพยายามหลบหนีเพื่อส่งสัญญาณเตือนไปที่ยานแม่ก่อนที่จะสายเกินไป เธอได้รับความช่วยเหลือจาก Todd นำทางไปที่ Farbranch ซึ่งอาจจะเป็นโอกาสเดียวที่เธอจะช่วยคนบนยานได้

David จึงนำชาวบ้านตามล่าเพื่อจับตัว Viola ก่อนที่เธอจะสามารถติดต่อกับคนบานยานแม่ที่ขนมนุษย์มากว่า 4,000 คน ระหว่างการเดินทาง Todd ก็ได้รู้ว่า Noise ไม่มีผลกับผู้หญิง และความจริงเกี่ยวกับแม่ของเขาที่ถูกเขียนไว้ในบันทึก

พล็อตเรื่องน่าสนใจ งานกำกับของ Doug Liman ก็ยังมีความสนุกตื่นเต้นแทรกอยู่เสมอ การแสดงของ Tom Holland และ Daisy Ridley ดูเป็นธรรมชาติและเข้ากันดี แม้ว่าอายุจะต่างจากในหนังสือค่อนข้างมาก (ในหนังสือตัวเอกของเรื่อง Viola Eade และ Todd Hewitt อายุประมาณ 12 – 14 ปี)

การแสดงของ Mads Mikkelsen ก็ยังคงเด่นและยอดเยี่ยมเช่นเคย แม้ว่าบทภาพยนตร์โดยรวมจะไม่ค่อยดีนัก ทำให้ตัวละครต่างๆ ดูไม่มีมิติและไม่มีการพัฒนาระหว่างการเดินเรื่อง

ส่วนตัวคิดว่าเรื่องของ Spackle น่าจะลงรายละเอียดได้มากกว่าที่จะเป็นแค่ side story ของภาพยนตร์ที่แทบจะไม่มีความสำคัญเมื่อเทียบกับการเดินทางของตัวละครหลัก

บทสรุปตอนจบ เหมือนกับว่าทางสตูดิโอไม่คิดจะทำภาคต่อแล้ว ช่วงท้ายของเรื่องหยิบมาจากหนังสือเล่มที่สอง ทำให้เนื้อเรื่องกระโดดข้ามเวลาไปแบบงงๆ อีกทั้งยังตัดบทตัวร้ายซึ่งในหนังสือยังมีบทอีกมากมาย เนื่องจากเป็นตัวละครสำคัญในพล็อตเรื่องที่ใหญ่กว่าที่เราได้ดูในภาพยนตร์ น่าเสียดายจัง

CHAOS WALKING ฉายครั้งแรกในประเทศเกาหลีใต้ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2021 และฉายในสหรัฐอเมริกาวันที่ 5 มีนาคม ซึ่งนักวิจารณ์ต่างก่นด่ากันมากมาย ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เพราะโดยรวมก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันแย่ขนาดนั้น ส่วนตัวยังคิดว่าสนุกกว่า WONDER WOMAN 1984 นอกจากนี้ CHAOS WALKING ยังเปิดให้เช่าในรูปแบบ Video On Demand ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2021 ด้วยราคา 19.99 เหรียญ (ประมาณ 630 บาท)

ส่วนด้อยของเรื่องคือเสียงความคิดของผู้คนที่ยังถ่ายทอดออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะในฉากที่มีเสียงความคิดของตัวละครหลายคนดังขึ้นมาพร้อมกัน ทำให้เกิดความสับสนว่าอันไหนเป็นเสียงพูดและอันไหนเป็นเสียงความติด ถ้าทำเป็นเกม action adventure อาจจะเป็นเกมที่สนุกก็ได้

REPORT / REQUEST
REPORT / REQUEST