ภาพยนตร์ไซไฟว่าด้วยเรื่องราวของโลกอนาคต เมื่อมนุษย์ประสบความล้มเหลวในการรักษาระบบนิเวศอย่างสิ้นเชิง เด็กสาวคนหนึ่งได้พบกับสตรีปริศนา ผู้กุมกุญแจที่จะสามารถช่วยโลกนี้เอาไว้

ยุคมืดของมนุษยชาติในโลกอนาคต เมื่อความพยายามในการรักษาระบบนิเวศด้วยการใช้เทคโนโลยีดัดแปลงพันธุกรรมประสบความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ตามมาด้วยความหายนะเมื่อไวรัสและสิ่งมีชีวิตที่ผ่านการดัดแปลงโดยนักวิทยาศาสตร์หลุดออกจากห้องทดลองสู่โลกภายนอก ทำลายพืชผัก สัตว์ต่างๆ รวมถึงมนุษย์จนเกือบสูญพันธุ์

บุคคลชั้นสูงที่รอดก็ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอยู่ในป้อมปราการที่เรียกว่า Citadel และสร้าง Jug สิ่งมีชีวิตรูปร่างเหมือนมนุษย์เพื่อมาทำงานรับใช้พวกเขา ส่วนมนุษย์ที่เหลือก็ต้องพบกับความลำบากแร้นแค้น พวกเขาต้องค้นหาสิ่งที่ Citadel ต้องการเพื่อแลกเปลี่ยนกับเมล็ดพืชที่ได้รับการตัดต่อพันธุกรรมให้ออกผลเพื่อใช้เป็นอาหารได้เพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น เลือดของเด็กเป็นสิ่งหนึ่งที่มีราคาและสามารถแลกเปลี่ยนกับเมล็ดพืชได้

​Vesper (Raffiella Chapman) เด็กสาวที่อาศัยอยู่กับ Darius (Richard Brake) พ่อพิการติดเตียงอดีดทหารของ Citadel เพียงสองคน หลังจากแม่ของเธอหนีออกจากบ้านไปเมื่อหนึ่งปีก่อน พ่อของเธอสื่อสารกับเธอผ่านทางโดรนหุ่นยนต์ที่บังคับด้วยระบบประสาท

Vesper มีทักษะด้านการเพาะพันธุ์พืช ซึ่งเธอตั้งใจที่จะค้นหาวิธีปลดล็อกรหัสพันธุกรรมของเมล็ดพืชให้สามารถสร้างผลผลิตได้อย่างไม่จำกัด แต่พ่อของเธอคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้และไม่ต้องการให้เธอมีความหวังกับความฝันลมๆ แล้งๆ

จนกระทั่งวันหนึ่ง Vesper ได้พบกับหญิงสาวปริศนาที่ได้รับบาดเจ็บหลังจากยานบินที่เธอโดยสารมาประสบอุบัติเหตุตกลงในป่า

เมื่อหญิงสาวฟื้นขึ้นมา เธอบอกว่าเธอชื่อ Camellia (Rosy McEwen) เธอขอร้องให้ Vesper ตามหา Elias (Edmund Dehn) พ่อของเธอซึ่งเป็นคนสำคัญใน Citadel และสัญญาว่าจะตอบแทนรางวัลให้อย่างงาม

แต่โชคร้ายที่ Jonas (Eddie Marsan) เจ้าของฟาร์มใจอำมหิตที่มีความเคียดแค้นกับ Citadel มาเจอ Elias ซึ่งติดอยู่ในซากยานก่อนที่ Vesper จะช่วยเหลือเขาได้ทัน

โครงเรื่องแนวโลกอนาคตล่มสลายไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่สองผู้กำกับ Kristina Buozyte ชาวลิทัวเนีย และ Bruno Samper ชาวฝรั่งเศส สามารถหาจุดที่น่าสนใจหยิบยกมาผูกเป็นเรื่องได้อย่างน่าติดตาม

ชอบการสร้างภาพของโลกอนาคตด้วยการผสมผสานสเปเชียลเอฟเฟคเข้ากับวิชวลเอฟเฟคได้สวยงามลงตัว ทำให้โลกที่พวกเขาสร้างขึ้นมาดูสมจริงอย่างมาก

การแสดงอารมณ์หลากหลายของ Raffiella Chapman สามารถดึงดูดผู้ชมได้ตลอดระยะเวลา 146 นาที ที่ดูเหมือนจะยาวไปสักนิดสำหรับภาพยนตร์ไซไฟแนวนี้

ชอบบทสรุปช่วงท้ายกับการปรากฏตัวของทหารชุดดำจาก Citadel ที่ทำให้เรารับรู้ถึงความโหดเหี้ยมจนน่าขนลุก สมกับการรอคอย! ในโลกที่โหดร้าย ยังคงมีความรักและความหวังอยู่เสมอ

VESPER ฉายรอบปฐมทัศน์ในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ Karlovy Vary วันที่ 2 กรกฎาคม 2022 และเข้าฉายในประเทศสหรัฐอเมริกา วันที่ 30 กันยายน พร้อมกับปล่อยให้เช่า/ซื้อในรูปแบบ Video On Demand ในวันเดียวกัน