THOR
LOVE AND THUNDER
Taika Waititi
(2022)
Gorr (Christian Bale) ถูกพลังลึกลับดึงดูดให้เขาได้พบกับ Rapu (Jonny Brugh) เทพเจ้าที่เผ่าพันธุ์ของเขาให้ความเคารพบูชา หลังจากที่ Love (India Rose Hemsworth) ลูกสาวของเขาเสียชีวิตกลางทะเลทราย เหลือเพียงเขาซึ่งเป็นสาวกคนสุดท้าย แต่ Rapu ไม่ได้ใส่ใจชีวิตของเหล่าสาวก อีกทั้งยังล้อเลียนว่าการที่สาวกสละชีวิตเพื่อเทพเจ้าเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว Gorr จึงเกิดความโกรธแค้นและประกาศว่าเขาจะไม่นับถือเทพเจ้าอีกต่อไป ทำให้ Rapu เกรี้ยวโกรธและพยายามจะฆ่าเขาด้วยการบีบคอให้ตายอย่างทรมาน แต่กลับถูกสังหารด้วย Necrosword ดาบวิเศษที่สามารถฆ่าเทพเจ้าซึ่งเลือก Gorr เป็นเจ้าของคนใหม่ และยังครอบงำเขาให้ออกตามล่าเทพเจ้าองค์อื่นที่เหลืออยู่
Thor (Chris Hemsworth) ได้รับสัญญาณของความช่วยเหลือจาก Sif (Jaimie Alexander) ซึ่งกำลังตามล่า Gorr แต่พลาดพลั้งหลงกลติดกับดักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด Thor จึงขอแยกตัวจากทีม GUARDIANS OF THE GALAXY เพื่อตามไปช่วย Sif และรู้ว่า New Asgard คือเป้าหมายต่อไปของ Gorr
Jane Foster (Natalie Portman) อดีตคนรักของ Thor ได้รับการวินิจฉัยว่าเธอเป็นมะเร็งระยะที่ 4 และร่างกายของเธอไม่ตอบสนองต่อยารักษา เธอถูกดึงดูดโดยซากของ Mjolnir (ค้อนสายฟ้าที่โดน Hela ทำลายไปในภาคที่แล้ว) ซึ่งเศษซากของมันกลับมารวมตัวกันใหม่และมอบพลังที่ทำให้ Jane กลายเป็น Mighty Thor
Gorr ส่งสัตว์ประหลาดที่เขาสร้างขึ้นจากความมืด บุกถล่ม New Asgard และชิงตัวเด็กๆ ไปขังไว้ในดินแดนแห่งเงา (Shadow Realm) แต่เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือ Eternity ที่สามารถบันดาลพรวิเศษตามความต้องการของผู้ที่ไปถึงเป็นคนแรก
Thor จึงต้องเดินทางไปยัง Omnipotence เมืองแห่งทวยเทพเพื่อขอกำลังเสริมทัพมาสู้กับ Gorr และชิงตัวเด็กๆ กลับมา แต่เหล่าเทพเจ้าซึ่งมี Zeus (Russell Crowe) เป็นผู้นำปฏิเสธที่จะเข้าร่วมรบเนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการไปยุ่งเกี่ยวกับ Gorr เจ้าของอาวุธที่สามารถสังหารเทพเจ้า
THOR เป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินได้สูงขึ้นทุกภาค น่าจะเรียกได้ว่าแทบไม่เคยขาดทุน แม้แต่ภาค THE DARK WORLD ที่ค่อนข้างมืดมนและไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไหร่ ก็ยังทำรายได้ไปมากกว่า 640 ล้านเหรียญสหรัฐ (ทุนสร้าง 170 ล้านเหรียญ) ซึ่งภาคที่ทำเงินน้อยที่สุดกลับกลายเป็นภาคแรกที่ทำรายได้ไปเพียง 449 ล้านเหรียญ (ทุนสร้าง 150 ล้าน) เป็นรายได้ฉิวเฉียดแบบไม่แน่ใจว่าจะได้สร้างภาคต่อหรือเปล่า
จนมาถึงภาค RAGNAROK ที่เปลี่ยนตัวผู้กำกับมาเป็น Taika Waititi พร้อมกับการฉีกกฏภาพยนตร์ Marvel สร้างความประทับใจให้กับแฟนๆ และนักวิจารณ์ทั่วโลก กวาดรายได้ไป 854 ล้านเหรียญ (ทุนสร้าง 180 ล้านเหรียญ) ทำให้มันกลายเป็นภาคที่ทำรายได้สูงสุด ซึ่งตัวผู้กำกับก็คงได้รับอิสระเต็มที่ในการสร้างภาคต่อ LOVE and THUNDER ที่ Marvel Studios ยังคงเลือกใช้ผู้กำกับคนเดิม
แต่ LOVE and THUNDER ไม่สามารถสร้างความแปลกใหม่ระดับเดียวกับ RAGNAROK แม้จะดึงตัวนักแสดงสมทบมาจาก GUARDIANS OF THE GALAXY (ชอบมุขกลอกตามองบน) กับฉากที่ได้แรงบันดาลใจมาจากโฆษณา Volvo Trucks (Jean-Claude Van Damme) หรือ การเอา Luke Hemsworth กับ Matt Damon มาเล่นบทเดิมที่เคยเล่นไปในภาคที่แล้ว (ภาคนี้มี Melissa McCarthy มาเพิ่มอีกคน) ซึ่งไม่รู้ว่าหมดมุขหรือเล่นแบบเดิมมันเซฟกว่า เพราะคนชอบภาคที่แล้วเยอะ ภาคนี้ก็เลยมีการหยอดมุขเข้ามาเยอะมาก แต่มันเทียบไม่ได้กับภาคที่แล้วเลย — ตัวร้ายก็ไม่ค่อยน่าประทับใจ ก็เข้าใจแหละว่า Gorr มันเป็นตัวละครที่ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ต่อให้เป็น Christian Bale ก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้
สิ่งที่ชอบที่สุดคือแพะ 2 ตัวที่หวีดร้องตลอดเวลา มันเป็นแพะที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Goat Remix เพลง Trouble ของ Taylor Swift ความตลกระดับที่สามารถแย่งซีนทุกคน และกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่น่าจดจำมากกว่าเรื่องราวอันยุ่งเหยิง และชื่อของตัวร้ายที่แทบจะเลือนหายไปหลังจากดูจบแล้ว
THOR: LOVE AND THUNDER ฉายรอบปฐมทัศน์ที่โรงภาพยนตร์ El Capitan ในฮอลลีวูดวันที่ 24 มิถุนายน 2022 และเข้าฉายในสหรัฐอเมริกาวันที่ 8 กรกฎาคม ในระบบ 4DX, RealD 3D, IMAX, ScreenX และ Dolby Cinema ส่วนในประเทศไทย “ธอร์ ด้วยรักและอัสนี” เข้าฉายตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม
ภาคนี้มีฉากที่เป็น IMAX ratio (1.90:1) ประมาณ 35 นาทีเท่านั้น นี่คือไปดูโรง IMAX 3D ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันพิเศษแบบโดดเด้ง ก็เลยคิดว่าดูโรงภาพยนตร์ดิจิทัลธรรมดาก็ไม่น่าต่างกันมาก นอกจากจะเห็นแพะตัวเล็กกว่าใน IMAX เท่านั้นเอง