ภาพยนตร์ดัดแปลงจากบทละครเวที เรื่องราวของชายอ้วนที่มีน้ำหนักเกือบ 300 กิโลกรัม เขาต้องการจะใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิต แก้ไขความสัมพันธ์ร้าวฉาน กับลูกสาวที่เขาทิ้งไปเมื่อ 8 ปีก่อน
THE WHALE
Darren Aronofsky
(2022)
ภาพยนตร์ดัดแปลงจากบทละครเวทีชื่อเดียวกัน ผลงานของ Samuel D. Hunter นักเขียนบทละครชาวอเมริกัน ว่าด้วยเรื่องราวของ ชายอ้วนที่มีน้ำหนักเกือบ 300 กิโลกรัม อาศัยอยู่เพียงลำพังในอพาร์ตเมนต์ และเอาแต่กินอย่างไม่หยุดยั้ง มันทำลายความสัมพันธ์ของเขากับคนรอบตัว เขาต้องการจะใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิต แก้ไขความสัมพันธ์ร้านฉาน กับลูกสาวที่เขาทิ้งไปเมื่อ 8 ปีก่อน
ละครเวทีเรื่องนี้เปิดการแสดงครั้งแรกที่ Denver Center for the Performing Arts รัฐโคโลราโด ในปี 2012 และผู้เขียนบทละครเวที ก็มาทำหน้าที่เป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งกำกับโดย Darren Aronofsky
Charlie (Brendan Fraser) ชายผู้ป่วยด้วยโรคอ้วนผิดปกติ อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์เพียงคนเดียว เขามีอาชีพเป็นอาจารย์สอนคอร์สภาษาอังกฤษออนไลน์ ซึ่งรู้สึกอับอายกับรูปร่างหน้าตา จึงไม่กล้าเผยใบหน้าของเขากับนักเรียน โดยอ้างว่ากล้องเสียทุกครั้ง
คืนวันหนึ่งเขาเกิดอาการคล้ายหัวใจวายเนื่องจากความดันสูง เขาก็ได้พบกับ Thomas (Ty Simpkins) เด็กหนุ่มมิชชันนารี สมาชิกผู้เผยแพร่ศาสนาจากโบสถ์ New Life ที่บังเอิญผ่านมาพอดี Chailie จึงขอให้เขาอ่านเรียงความในกระดาษ ซึ่งช่วยให้จิตใจของเขาสงบลง ทำให้ Thomas เชื่อว่ามันเป็นชะตาชีวิตที่พระเจ้าได้นำทางเขามาที่นี่เพื่อช่วยชีวิตของ Charlie
Liz (Hong Chau) นางพยาบาล เพื่อนคนสนิทของ Charlie เธอพยายามชักชวนและข่มขู่สารพัด เพื่อให้ Charlie ไปหาหมอที่โรงพยาบาล แต่เขาก็ไม่ยอมไป โดยอ้างว่าตัวเขาไม่มีประกันสุขภาพ และไม่มีเงินมากพอจะไปจ่ายค่านอนรักษาตัวในโรงพยาบาล
เรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวละครก็ค่อยๆ เปิดเผยออกมา Liz เป็นลูกที่หัวหน้าบาทหลวงของโบสถ์ New Life รับมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเด็ก และพี่ชายของเธอคือ Alan คนรักของ Charlie ที่ตายไปแล้ว การสูญเสียครั้งนั้นทำให้หัวใจของ Charlie แหลกสลาย
แต่ในอดีต Charlie เคยแต่งงานกับผู้หญิงชื่อ Mary พวกเขามีลูกสาวด้วยกัน 1 คน คือ Ellie (Sadie Sink) ก่อนที่ Charlie จะตัดสินใจทิ้งครอบครัว เพื่อไปอยู่กับ Alan คนรักใหม่ของเขา ซึ่งเป็นนักศึกษาที่มาเรียนกับเขา
มันคือภาพยนตร์ที่คิดว่าคนทั่วไปคงไม่อยากดูเท่าไหร่ แต่ก็คงอยากลองดูสักครั้ง เพราะได้ยินว่าผู้คนและนักวิจารณ์ต่างชื่นชมการแสดงของเหล่านักแสดงในเรื่องนี้ ซึ่งพวกเขาก็แสดงได้ดีจริงนั่นแหละ โดยเฉพาะ Brendan Fraser ที่หลายสำนักยกให้เป็นหนึ่งในการแสดงที่ดีที่สุดของเขา (ถ้าดูจากประวัติภาพยนตร์ที่เขาแสดงนำ มันก็จริงตามนั้น แต่เราก็ยังชอบดู THE MUMMY ภาคแรกมากกว่าอยู่ดี) และการแสดงของ Hong Chau ในบทนักแสดงสมทบ ที่ตีบทแตกกระจุยได้อย่างยอดเยี่ยม ทุกครั้งที่เธอปรากฏตัว ก็ฉายแสงโดดเด่นกว่านักแสดงคนอื่นที่อยู่ในฉากเสมอ
จังหวะการเล่าเรื่องค่อนข้างช้า ฉากส่วนใหญ่อยู่ในห้องนั่งเล่น หรือห้องรับแขก/ห้องทำงานของ Charlie เนื่องจากรูปร่างที่อ้วนใหญ่โต ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนตัวไปไหนได้ หรือแม้แต่จะยืนด้วยขาของตัวเอง เขาจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงตัว (แค่ฉากเคลื่อนตัวไปห้องน้ำก็รู้สึกเปลืองฟิล์มแล้ว) ตัวละครตัวอื่นก็จะโผล่เข้ามาทางประตูหน้า พ่นบทสนทนาต่างๆ ใส่ Charlie เหมือนกับเรากำลังดูฉากเดิมซ้ำไปซ้ำมา แค่เปลี่ยนคนพูดเท่านั้น เข้าใจว่ามันดัดแปลงมาจากละครเวที แต่ระดับ Darren Aronofsky เราก็แอบหวังว่ามันจะมีอะไรที่เหนือความคาดหมาย เพราะนี่มันงานของคนที่ทำ mother! กับ BLACK SWAN นะ!
บทของลูกสาวคือประหลาดสุดแล้ว อารมณ์ขึ้นลงปุบปับคล้ายโรคไบโพลาร์ มีความเกรี้ยวโกรธตลอดเวลา จนบางทีก็งงว่าเธอเป็นเด็กวัยรุ่น หรือเป็นโรคประสาทกันแน่ การกระทำหลายอย่างของเธอดูไม่มีเหตุผล และน่ารังเกียจอย่างไม่น่าเชื่อ เราก็เลยไม่รู้ว่าควรจะสงสารเธอหรือเปล่า
ฉากที่ชอบสุดคือฉากการพบกันอีกครั้งของ Mary (Samantha Morton) ภรรยาเก่าและ Charlie กับการรำลึกความหลัง และยังมีการเปิดเผยเรื่องราวที่ Charlie ไม่เคยรู้มาก่อน
จุดด้อยคือเราไม่รู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับชีวิตของตัวละครหลักอย่าง Charlie ทั้งการตัดสินใจ และการกระทำของเขา ที่เป็นการฆ่าตัวเองด้วยการกินไม่หยุด
THE WHALE ฉายรอบปฐมทัศน์ในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ Venice วันที่ 4 กันยายน 2022 และได้รับการยืนปรบมือจากผู้ชมเป็นเวลา 6 นาที ก่อนจะเข้าฉายแบบจำกัดในสหรัฐอเมริกา วันที่ 9 ธันวาคม 2022 ส่วนในประเทศไทย ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉาย วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2023 ด้วยชื่อ “เหงา เท่า วาฬ”
THE WHALE ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง 3 รางวัลจาก Academy Awards ครั้งที่ 95 จัดขึ้นที่ Dolby Theatre ในลอสแอนเจลิส วันที่ 12 มีนาคม 2023 ในสาขา Best Makeup and Hairstyling, Best Supporting Actress (Hong Chau), Best Actor (Brendan Fraser) และสามารถคว้ามาได้ 2 รางวัลคือ Best Makeup and Hairstyling, Best Actor (Brendan Fraser)