THE TRAGEDY OF MACBETH
Joel Coen
(2021)
ภาพยนตร์ดัดแปลงจากบทละคร Macbeth ของ William Shakespeare ที่เขียนบทและกำกับโดย Joel Coen หนึ่งในสองพี่น้อง Coen Brothers ที่เป็นที่รู้จักกันดี เพราะทั้งคู่มักจะทำงานร่วมกันเสมอ ภาพยนตร์เรื่องนี้นับเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่เป็น Joel ทำงานเป็นผู้กำกับเพียงคนเดียวโดยไม่มี Ethan น้องชายมาร่วมงานด้วย
Macbeth หรือชื่อเต็มคือ The Tragedie of Macbeth เป็นบทละครที่เขียนโดย William Shakespeare กวีและนักเขียนบทละครชาวอังกฤษ ที่เชื่อกันว่าเปิดแสดงครั้งแรกในปี 1606 เป็นเรื่องราวของผลกระทบที่ส่งผลต่อร่างกายและสภาพจิตใจของผู้ที่ทำทุกวิถีทางเพื่อไขว่คว้าอำนาจทางการเมือง
When shall we three meet again? In thunder, lightning, or in rain? When the hurlyburly’s done, when the battle’s lost and won. Where the place? Upon the heath. There to meet with Macbeth. Fair is foul, and foul is fair. Hover through the fog and filthy air.
กษัตริย์ Duncan (Brendan Gleeson) และ Malcolm (Harry Melling) บุตรชายของเขาได้รับรายงานข่าวที่น่าปลื้มปิติว่า Macbeth สามารถจัดการกำราบกองทัพกบฏ Thane of Cawdor ได้สำเร็จ
ระหว่างการเดินทางกลับ Macbeth (Denzel Washington) และ Banquo (Bertie Carvel) ได้พบกับ 3 แม่มด (Kathryn Hunter) ที่มอบคำทำนายอันแปลกประหลาดว่า Macbeth จะได้รับตำแหน่ง Thane of Cawdor และในอนาคตเขาจะได้เป็นถึงกษัตริย์ นอกจากนี้ยังทำนายว่า Banquo จะมีความสุขมากกว่าแม้ว่าตำแหน่งหน้าที่จะค่อยดีนัก แต่ลูกหลานของเขาจะได้สืบสายของกษัตริย์ ก่อนที่แม่มดทั้งสามจะหายตัวไปในสายหมอก แน่นอนว่าทั้งคู่ต่างก็คิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ
ในเวลาต่อมา Macbeth ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Thane of Cawdor ตรงตามคำทำนายของแม่มดที่ให้ไว้ ทำให้ Macbeth เชื่อในคำทำนายและเกิดความทะเยอทะยานที่จะค้นหาหนทางเพื่อที่เขาจะได้เป็นกษัตริย์
Macbeth ส่งจดหมายถึง Lady Macbeth (Frances McDormand) ภรรยาของเขาเพื่อเล่าเรื่องที่เขาได้พบกับ 3 แม่มดและคำทำนายของพวกเธอที่กลายเป็นความจริง ข่าวที่น่ายินดีปรีดาทำให้ Lady Macbeth ผู้มีจิตใจชั่วร้ายคิดวางแผนการที่จะทำให้คำนายข้อต่อไปเป็นความจริงโดยเร็วที่สุด
เรื่องราวของ Macbeth ได้รับการบอกเล่าผ่านละครเวทีมานานกว่า 400 ปี แม้ว่าเบื้องหลังจะมีบางคนเชื่อว่ามันเป็นบทละครต้องสาปและจะไม่เรียกชื่อของมันตรงๆ แต่จะเรียกว่า The Scottish Play แทน อย่างไรก็ตามบทละครเรื่องนี้ก็ยังคงดึงดูดนักแสดงเก่งๆ ทั้งหลายที่ต้องการพิสูจน์ฝีมือกับบทของ Macbeth และ Lady Macbeth นอกจากนี้ยังรับการดัดแปลงไปใช้ในแทบทุกแขนงตั้งแต่ละครโทรทัศน์, ภาพยนตร์, โอเปรา, นิยาย, การ์ตูน และอื่นๆ อีกมากมาย
ความพิเศษของการถ่ายทำภาพยนตร์เวอร์ชันนี้คือการที่ผู้กำกับเลือกถ่ายทำด้วยฟิล์มขาวดำทั้งหมด โดยไม่ได้ใช้ฟิล์มสีและมาแปลงให้เป็นขาวดำในภายหลังเหมือนภาพยนตร์บางเรื่อง การออกแบบฉากที่ผสมผสานความเป็นละครเวทีและภาพยนตร์ด้วยการลบสิ่งที่ไม่จำเป็นทิ้งไป เหลือไว้แต่เพียงแค่สิ่งที่สำคัญ เช่นเดียวกับกลอน 俳句 (ไฮกุ) ของญี่ปุ่น และการใช้มุมกล้องแบบโคลสอัพความละเอียดระดับ 4K ที่ละครเวทีไม่สามารถทำได้
Tis time. ‘Tis time. By the pricking of my thumbs, something wicked this way comes. A deed without a name. Double, double toil and trouble. Fire burn, and cauldron bubble. Finger of birth-strangled babe, ditch-delivered by a drab. Liver of blaspheming Jew, gall of goat, and slips of yew. Silvered in the moon’s eclipse, nose of Turk and Tartar’s lips. Here’s the blood of a bat. Put in that. Round about the cauldron go. In the poisoned entrails throw. For a charm of powerful trouble, like a hell-broth boil and bubble.
นักแสดงทุกคนเล่นได้ดีมาก กับบทพูดที่ใช้ภาษาอังฤษแบบโบราณแต่สามารถสื่ออารมณ์จากท่าทาง สีหน้า และการพูดที่ลื่นไหลเป็นธรรมชาติ นักแสดงที่ประทับใจสุดคือ Kathryn Hunter ในบทแม่มด ทั้งรูปลักษณ์ที่เธอปรากฏตัวและเสียงที่เธอใช้ ทำให้เราเชื่ออย่างสนิทใจว่าเธอมาจากโลกแห่งความมืด
ประทับใจการออกแบบฉากที่เล่นกับแสงเงาได้สวยงาม ข้อดีของการสร้างฉากขึ้นมาในสตูดิโอก็คือผู้กำกับสามารถกำหนดแสงสว่างและทิศทางของมันได้ทั้งหมด จะเปลี่ยนกลางคืนเป็นกลางวันก็ได้ และด้วยความเป็นมันเป็นภาพยนตร์ขาวดำ ทำให้ผู้ชมไม่สามารถแยกแยะได้ว่ามันเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืนกันแน่
ชอบการเล่นกับเสียงดนตรีและเสียงประกอบในเรื่องในหลายฉาก อาทิ ฉากที่น้ำหยดลงบนพื้น และฉากกิ่งไม้กระแทกกำแพง ส่วนจุดด้อยก็คงเป็นภาษาที่เลือกมาใช้ในภาพยนตร์ คนทั่วไปที่ไม่คุ้นเคยกับภาษาอังกฤษโบราณอาจจะไม่ค่อยชอบนัก แต่โครงสร้างของเรื่องมันก็ไม่ได้ซับซ้อนระดับที่ถ้าฟังไม่ทันแล้วจะไม่เข้าใจ
THE TRAGEDY OF MACBETH ฉายรอบปฐมทัศน์ที่งาน New York Film Festival วันที่ 24 กันยายน 2021 และฉายแบบจำกัดจำนวนโรงภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกาวันที่ 25 ธันวาคม 2021 ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการร่วมงานกันระหว่าง Apple และ A24 ซึ่งได้ปล่อยสตรีมมิงสำหรับสมาชิก Apple TV+ ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2022