Alexander (Jack Barry) และ Rosemary (Coco White) สามีและลูกสาวของ Linda (Holly Shervey) ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ หายตัวไปอย่างปริศนาในปี 1948 — ทางตำรวจระบุว่าพวกเขาจมน้ำที่อ่าวฮอบบิท (Hobbit’s Bay) ในรัฐออริกอน แต่ไม่มีใครพบศพของพวกเขา หลังจากนั้น Linda ก็ย้ายไปอยู่ที่เมืองโอกแลนด์ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และให้กำเนิดบุตรชายชื่อ Ben โดยเธอบอกลูกชายว่า พ่อและพี่สาวของเขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ก่อนที่เขาจะเกิด

เวลาผ่านไป 32 ปี Linda ก็เสียชีวิตลง ทนายความชื่อ Amos Tilbury (Mark Mitchinson) เดินทางมาพบ Ben (Matt Whelan) เพื่อมอบเอกสารกรรมสิืทธิ์บ้านและที่ดิน ซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาจากฝั่งพ่อ มันเป็นช่วงจังหวะที่พอเหมาะพอดี ครอบครัวของ Ben ก็กำลังมีปัญหาด้านการเงิน

Ben จึงขับรถพา Jules (Luciane Buchanan) ภรรยา และ Reia (Zara Nausbaum) ไปดูบ้านที่อ่าวฮอบบิท ในรัฐออริกอน ด้วยความหวังว่าจะเปลี่ยนสินทรัพย์มาเป็นเงินได้ — เมื่อไปถึงพวกเขาก็พบแทงค์น้ำโบราณที่คนสมัยก่อนใช้กักเก็บน้ำฝน หรือน้ำบาดาล เอาไว้ใช้ยามจำเป็น

หลังจาก Ben ลงไปสำรวจในแทงค์ และพบว่ากำแพงของแทงค์เก็บน้ำ เชื่อมต่อกับถ้ำหินขนาดใหญ่ที่ลึกลงไปใต้ดิน นอกจากนั้นเขายังพบซากของสิ่งมีชีวิตประหลาดที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน มันไม่มีดวงตา และมีรูปร่างลักษณะคล้ายสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำสีดำ

ในไม่ช้า Ben ก็ค้นพบสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้พ่อและพี่สาวของเขาหายตัวไปอย่างปริศนาเมื่อ 32 ปีก่อน และเหตุผลที่แม่ของเขาเก็บเรื่องของสถานที่แห่งนี้ไว้เป็นความลับ ไม่เคยบอกใครแม้แต่ลูกชายของเธอเอง

ผลงานภาพยนตร์ยาวเรื่องที่ 2 ของ Scott Walker ผู้กำกับ/นักเขียนบท ชาวนิวซีแลนด์ ที่หายหน้าไปจากวงการหลังจากภาพยนตร์เดบิว THE FROZEN GROUND เกี่ยวกับฆาตกรต่อเนื่องเมื่อปี 2013 ซึ่งทำรายไม่ถึง 6 ล้านเหรียญสหรัฐ จากทุนสร้างเกือบ 20 ล้านเหรียญ (Netflix ซื้อลิขสิทธิ์มาปล่อยให้สมาชิกชมในปี 2020 และขึ้นแท่นสตรีมมิงอันดับ 1 ในสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน)

ชอบบรรยากาศสยองขวัญย้อนยุค (ในเรื่องคือปี 1978 ที่ยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ — Motorola DynaTAC 8000X โทรศัพท์มือถือเครื่องแรกวางจำหน่ายในปี 1983) มีการเก็บซ่อนตัวตนของสัตว์ประหลาดเอาไว้ก่อนจะเปิดเผยร่างจริง ชอบการออกแบบสัตว์ประหลาดที่ไร้ดวงตา แม้ว่าการเคลื่อนไหวบางฉากจะดูไม่ค่อยสมจริงเท่าไหร่

น่าเสียดายที่ผู้กำกับซึ่งเป็นคนเขียนบทเองด้วย ยังไม่สามารถหาจุดที่จะทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เ กลายป็นภาพยนตร์สัตว์ประหลาดสยองขวัญระดับเดียวกับ A QUIET PLACE ได้ ส่วนหนึ่งเข้าใจว่าเป็นข้อจำกัดของตัวละครในยุค 80s แต่บทภาพยนตร์ที่เขียนขึ้นในยุคปัจจุบัน ก็ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับสูตรโบราณ มันน่าจะมีจุดหักมุม หรืออะไรบางอย่างที่ช่วยเสริมความน่าจดจำให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้

ส่วนที่ไม่ค่อยชอบคือการใช้ภาพย้อนอดีต ทุกครั้งที่มีการอ่านบันทึก (แค่อ่านก็เข้าใจแล้ว ทำไมต้องยืดเยื้อหลายรอบ เปลืองเงินไปอีก) หลายฉากดูเหลือเชื่อเกินไป อาทิ สัตว์ประหลาดบุกเข้ามาในรถของตำรวจอย่างเงียบเชียบได้ยังไง หรือสัตว์ประหลาดคาบเด็กผู้หญิงลงไปในแทงค์น้ำโดยไม่ทำอันตราย แต่กลับฆ่าตัวละครสบทบอื่นๆ ทันทีที่เจอ รวมถึงการตัดสินใจอันน่ามึนงงของตัวเอก จนเราแอบเชียร์สัตว์ประหลาดให้กินคนพวกนั้นไปซะ จะได้จบๆ ไปสักที

The TANK เปิดฉายในสหรัฐอเมริกาแบบจำกัด วันที่ 14 เมษายน และมีกำหนดเข้าฉายในประเทศไทย วันที่ 25 พฤษภาคม ด้วยชื่อ “ท่อสยองพันธุ์ขย้ำ”