ภาพยนตร์มิวสิคัลดัดแปลงจาก Die Zauberflöte อุปรากรของ Mozart ว่าด้วยเรื่องราวของเด็กหนุ่มผู้ค้นพบประตูข้ามมิติที่ซ่อนอยู่ในโรงเรียน ซึ่งเขาต้องสวมบทเจ้าชาย เพื่อช่วยเจ้าหญิงที่ถูกลักพาตัวไป
The MAGIC FLUTE
DAS VERMÄCHTNIS DER ZAUBERFLÖTE
Florian Sigl
(2022)
Tim Walker (Jack Wolfe) เดินทางไปเรียนที่ Mozart International School Academy of Music ตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อ ซึ่งมอบหนังสือ DIE ZAUBERFLÖTE (THE MAGIC FLUTE) ที่พ่อขโมยออกมาสมัยยังเรียนอยู่ที่นั่น และขอให้ Tim นำหนังสือกลับไปคืนไว้ที่เดิม
ในคืนนั้นก็มีลูกไฟวิญญาณหลุดออกมาจากหนังสือ และนำทางเขาไปที่นาฬิกาในห้องสมุด ซึ่งเป็นประตูข้ามมิติ ดวงวิญญาณทั้งสามบอกกฏ 3 ข้อ ที่เขาต้องปฏิบัติตามคือ ต้องเก็บเรื่องการเดินทางของเขาไว้เป็นความลับ ห้ามบอกใคร, เขาจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเรื่อง และเขาจะต้องทำภารกิจในฐานะเจ้าชาย Tamino (ตัวเอกของ Die Zauberflöte) ให้สำเร็จก่อนความมืดจะปกคลุมโลกไปชั่วนิรันดร์
หลังจากข้ามมิติมาอีกโลกหนึ่ง Tim ก็ต้องวิ่งหนีงูยักษ์ แต่เกิดสะดุดล้ม ศีรษะฟาดก้อนหินจนสลบไป เมื่อเขาฟื้นคืนสติกลับมา เขาก็ได้พบกับ Papageno (Iwan Rheon) สิ่งมีชีวิตครึ่งคนครึ่งนก ที่เขาคิดว่าเป็นคนจัดการงูยักษ์ แต่ต่อมาเขาก็รู้ความจริงว่า ผู้ที่ช่วยชีวิตเอาไว้ก็คือ 3 สาว (Die drei Damen) ผู้รับใช้ของราชินีแห่งราตรี ที่ได้รับคำสั่งให้ออกค้นหาชายผู้สูงศักดิ์
เมื่อสตรีทั้งสามทราบว่าเขาคือเจ้าชาย Tamino ก็พาเขาไปพบราชินีแห่งราตรี (Sabine Devieilhe) ซึ่งกำลังต้องการคนที่จะสามารถนำเจ้าหญิง Pamina (Asha Banks) ที่ถูก Sarastro (Morris Robinson) เจ้าเมืองใจอำมหิตลักพาตัวไป
Tim ตกลงรับภารกิจช่วยเจ้าหญิงตามความปรารถนาของราชินีแห่งราตรี สตรีผู้รับใช้จึงมอบ Zauberflöte (ขลุ่ยวิเศษ) ซึ่งมีพลังเวทมนตร์เปลี่ยนความความเศร้าโศกเป็นความรื่นเริง และมอบกล่องดนตรีวิเศษ (ต้นฉบับเป็น silbernes Glockenspiel หรือระฆังเงิน) ที่จะช่วยปกป้องภยันอันตรายทั้งหลายให้กับ Papageno — แต่ทว่าราชินีแห่งราตรีไม่ได้เล่าความจริงทั้งหมด เธอยังมีจุดประสงค์อื่นเก็บซ่อนเอาไว้
ชอบการนำอุปรากรซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีมาดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์แฟนตาซี โดยมีการอัปเดตผูกเรื่องราวให้เข้ากับยุคปัจจุบัน มีบรรยากาศบางส่วนคล้าย Harry Potter อาทิ ตัวเอกต้องเดินทางไปด้วยรถไฟ มีเพื่อนร่วมห้องที่โดนกลั่นแกล้งโดยตัวร้าย ซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของนักร้องที่มีชื่อเสียง แล้วยังมีครูใหญ่คอยช่วยหนุนหลังให้อีก (ครูใหญ่รับบทโดย F. Murray Abraham — นักแสดงชาวอเมริกันที่เป็นที่รู้จักกันจากบท Antonio Salieri คู่ปรับของ Mozart ในภาพยนตร์ AMADEUS ซึ่งทำให้เขาคว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำยอดเยี่ยมในปี 1984)
องค์ประกอบศิลป์งดงาม เพลงประกอบดีมาก นักแสดงนำร้องเพลงได้ไพเราะ ชอบการหยิบเพลงยุคหลังอย่าง Con te patirò ของ Andrea Bocelli และ I’ll Be There ของ The Jackson 5 มาใช้เสริมบรรยากาศในเรื่องได้อย่างลงตัว
ส่วนที่ดีมากคือการเลือก Sabine Devieilhe นักร้องเสียงโซปราโนชาวฝรั่งเศสมารับบท Königin der Nacht ซึ่งเธอเคยรับบทนี้มาแล้วในอุปรากร Die Zauberflöte เวอร์ชัน Royal Opera of London ปี 2017
จุดด้อยก็คือเพลงของ Die Zauberflöte ในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเวอร์ชันภาษาอังกฤษทั้งหมด (แต่หนังสือที่ Tim อ่านในเรื่องเป็นภาษาเยอรมัน) ทำให้รู้สึกว่าอารมณ์ของเพลงยังไม่สามารถเทียบกับเวอร์ชันออริจินัลที่เป็นภาษาเยอรมันได้
ผลงานยาวเรื่องแรกของ Florian Sigl ผู้กำกับชาวเยอรมัน กับภาพยนตร์มิวสิคัลดัดแปลงจาก Die Zauberflöte อุปรากรของ Wolfgang Amadeus Mozart ที่มีเนื้อร้องและบทพูดเป็นภาษาเยอรมัน (แต่งโดย Emanuel Schikaneder) เป็นแนวที่เรียกกันว่า Singspiel ซึ่งได้รับความนิยมในช่วงปลายศตวรรษที่ 17 มีความแตกต่างจาก Opera ตรงที่มีบทพูดของตัวละครด้วย ทำให้มันถูกจัดอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า Opera ของชนชั้นสูง
Die Zauberflöte เปิดแสดงครั้งแรก วันที่ 30 กันยายน 1791 ที่ Theater auf der Wieden ในเวียนนา ประเทศออสเตรีย และประสบความสำเร็จอย่างสูง จนต้องเปิดการแสดงต่อเนื่องนานกว่า 1 ปี โดยมีการเฉลิมฉลองการแสดงครบ 100 รอบ ในเดือนพฤศจิกายน 1792 แต่ Mozart ไม่มีโอกาสได้เห็นความสำเร็จครั้งนี้ เนื่องจากเขาเสียชีวิตลงในวันที่ 5 ธันวาคม 1791 เพียงสองเดือนหลังจาก Die Zauberflöte เปิดการแสดงรอบแรก
Die Zauberflöte (The Magic Flute) กลายเป็นหนึ่งในอุปรากรที่โด่งดังเป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก และยังคงได้รับความนิยมมาถึงปัจจุบัน นอกจากการแสดง Opera ที่มีการบันทึกเสียงการแสดง รวมถึงการบันทึกเสียงในสตูดิโอมากกว่า 120 ครั้งแล้ว มันยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับศิลปินมากมาย จนได้รับการดัดแปลงเป็นนิยาย แต่งเติม สร้างภาคต่อ ตีความใหม่ ดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ ละครเพลง หนังสือภาพ งานศิลปะ ฯลฯ
ว่ากันว่า Die Zauberflöte ของ EMI ที่บันทึกเสียงในปี 1964 ควบคุมวงโดย Otto Klemperer คอนดักเตอร์ชาวเยอรมัน คือหนึ่งในเวอร์ชันที่ดีที่สุดในโลก นอกจากนั้นก็ยังมีเวอร์ชันของ Ferenc Fricsay (1955) และเวอร์ชันของ Karl Böhm (1964) ที่ได้รับการยอมรับว่ายอดเยี่ยมไม่แพ้กัน
Der Hölle Rache kocht in meinem Herzen (Hell’s vengeance boils in my heart) หรือเรียกสั้นๆ ว่า Der Hölle Rache บทเพลงที่ขับร้องโดยราชินีแห่งราตรี (Königin der Nacht) เป็นเพลงที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักมากที่สุด (จนคนส่วนใหญ่เรียกมันว่าเพลง Queen of the Night) เป็นฉากที่ราชินีปลุก Pamina ลูกสาวที่กำลังหลับให้ตื่นขึ้นมา และสั่งให้เธอใช้มีดสั้นลอบสังหาร Sarastro โดยข่มขู่ว่าถ้าเธอไม่ยอมทำตามคำสั่ง เธอก็จะถูกสาป และถูกตัดความสัมพันธ์ในฐานะแม่ลูกอีกด้วย — ขอแนะนำให้ชมเวอร์ชันของ Diana Damrau ที่แสดงได้ดีมาก
THE MAGIC FLUTE ฉายรอบปฐมทัศน์ในงานเทศกาลภาพยนตร์ Zürich วันที่ 30 กันยายน 2022 ก่อนจะเข้าฉายในประเทศเยอรมนี วันที่ 17 พฤศจิกายน และในสหรัฐอเมริกา วันที่ 10 มีนาคม 2023