Latest

FIREBIRD

Stravinsky

FIREBIRD

3000 1200 PRADT
3-MINUTE READ

THE FIREBIRD & LES NOCES

2002 | Stravinsky
★★★★★

เมื่อคืนหยิบแผ่น Stravinsky – The Firebird & Les noces (Royal Ballet) มาดูอีกรอบ ปกติผมไม่ชอบดูบัลเลต์นะครับ ไม่ว่าเล่นเรื่องไหน ผมดูทีไรก็ง่วงนอนทุกที แต่เรื่องนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่ดูได้จนจบ (เพราะมันสั้นด้วย)

เนื้อเรื่องของ Firebird ก็เป็นเรื่องของ เจ้าชาย Ivan Tsarevich (Jonathan Cope) ได้พบกับ Firebird (Leanne Benjamin) นกที่มีขนสีแดงเหมือนเพลิง เจ้าชายรู้สึกสนใจมากจึงต้องการที่จะจับตัว เขาจึงแอบติดตามนกจนนกตัวนั้นร่อนเข้าไปในสถานที่แห่งหนึ่งที่เขาไม่รู้จักและไม่เคยเห็นมาก่อน มันสวยงามอย่างน่าประหลาด

นกตัวนั้น เริงร่าอยู่ในสวนที่ประหลาดและมหัศจรรย์ของ Kostcheï (David Drew) พ่อมดอมตะที่ชั่วร้าย เจ้าชายเฝ้ารอจังหวะที่นกตัวนั้นเผลอ ขณะที่นกกำลังจะเก็บผลแอ๊ปเปิ้ลทองคำ ซึ่งตอนนั้นเจ้าชายไม่รู้ตัวเลยว่า ภัยกำลังจะมาเยือน

ในที่สุดเขาก็จับ Firebird ได้สำเร็จ แต่หลังจากนั้นเจ้าชายก็เพียงแต่เก็บขนสีแดงอันหนึ่งของ Firebird เอาไว้และก็ปล่อยไป (จากในเรื่อง เห็นเป็นแบบนั้น แต่ความจริง น่าจะเป็นการต่อรองของนก ว่าถ้าปล่อยไป เวลาที่เขาประสบเคราะห์ ก็จะกลับมาช่วย) หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าชายก็ได้พบกับ เจ้าหญิง 13 พระองค์ เข้ามาเล่นในสวน และเขาก็ได้พบรัก กับเจ้าหญิงหนึ่งในนั้น โชคร้ายที่ทุกคน ถูกควบคุมตัวไว้ด้วยเวทมนตร์

แน่นอนว่าพ่อมด ก็รู้ว่ามีคนแปลกหน้า ที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาในสวน ไม่นานนักลูกสมุนของ Kashche ก็พบกับเจ้าชาย และพยายามที่จะจับตัวเขา แม้ว่าเจ้าชายพยายามที่จะหนีไป แต่ก็ไม่พ้นเนื่องจากลูกสมุนของพ่อมดร้าย มีมากเหลือเกิน (แถมแต่ละคนยังออกแบบชุดได้สีสันสะใจยิ่งนัก) เขาถูกนำตัวไปหาพ่อมดปิศาจ คนที่แอบเข้ามาในสวนนี้ จะต้องถูกสาป ให้กลายเป็นหิน ขณะที่เจ้าชายกำลังจะถูกสาปนั้น เขาก็นึกขึ้นได้ว่ามีขนนกเพลิงอยู่

เจ้าชายจึงหยิบขนนกสีแดงขึ้นมา และโบกไปมาในอากาศ ทันใดนั้น Firebird ก็ปรากฏตัวขึ้นมา สร้างความตื่นตกใจให้กับพ่อมด และลูกสมุนอบ่างมาก นกเพลิงก็ได้บอกความลับของพ่อมด กับเจ้าชาย ว่าความจริงแล้ว ที่พ่อมดเป็นอมตะนั้น เพราะว่าพ่อมดได้เก็บวิญญาณของมัน ไว้ในไข่ใบใหญ่ เพียงทำลายไข่ใบนั้นได้พ่อมดก็จะสูญสิ้นไป

เจ้าชายได้พบไข่ใบนั้น (อย่างรวดเร็ว) และทุ่มมันลงกับพื้นจนมันแตกเป็นเสี่ยง เป็นผลทำให้พ่อมดสิ้นชีวิตไปทันที เมื่อพ่อมดตาย ทุกคนก็ถูกปลดปล่อยจากพันธนาการ และเจ้าชายก็ได้อยู่กับกับเจ้าหญิง อย่างมีความสุขไปชั่วกาลนาน

ในแผ่นนี้ยังมีบัลเลต์อีกเรื่องคือ Les noces (The Wedding) ซึ่งเป็นแสดง การตระเตรียมงานแต่งงาน ตามพิธีกรรมของรัสเซีย โดยจะมีตัวละครหลัก คือฝ่ายเจ้าสาวและฝ่ายเจ้าบ่าว

ส่วนที่น่าสนใจ Les noces ก็คือการเต้นรำที่พร้อมเพียงกัน เป็นรูปแบบเหมือนหุ่นยนต์ กับสีหน้าที่แทบจะไม่มีการแสดงออกเลย นับว่าเป็นการแสดงที่น่าสนใจไม่น้อย แต่พอมาดูต่อจาก Firebird ที่ทั้งเครื่องแต่งกายและการออกแบบท่าเต้นฉูดฉาด ทำให้เรื่องนี้ดูจืดสนิท


Игорь Фёдорович Стравинский (Igor Fyodorovich Stravinsky) เกิดเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ปี 1882 ที่ Ораниенбаум / Oranienbaum (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อป็น Ломоносов / Lomonosov) ประเทศรัสเซีย ต่อมาได้ศึกษาวิชาการดนตรีกับ Николай Андреевич Римский-Корсаков (Nikolai Rimsky-Korsakov) ซึ่งเป็นแรงผลักดันดนตรีของเขาในยุคแรกแรก

ต่อมาในปี 1908 Серге́й Па́влович Дя́гилев (Sergei Pavlovich Diaghilev) ประทับใจในงานของ Stravinsky ที่ชื่อ Scherzo fantastique และ Fireworks จึงได้ขอให้เขาช่วยแต่งเพลงสำหรับบัลเลต์ เขาจึงได้เขียนบัลเลต์ขึ้นครั้งแรกซึ่งก็คือ Жар-птица (Zhar-ptitsa / Firebird / L’oiseau de feu) นั่นเอง โดยเรื่องนี้ได้ไปเปิดการแสดงครั้งแรกที่ Paris ในปี 1910 และก็ยังมี Петрушка (Petrushka) ทั้งสองเรื่องนี้ได้รับคำชื่นชมอย่างมาก ด้วยเนื้อหาที่มีพลังและดนตรี orchestra ที่ซับซ้อน ด้วยท่วงทำนองที่ปรับเปลี่ยนดัดแปลง มาจากเพลงพื้นบ้านของรัสเซีย

แต่ในการแสดงครั้งแรกของ Le Sacre du printemps (The rite of Spring) ในปี 1913 นั้นเกิดเหตุโกลาหลขึ้น เมื่อผู้ชมโห่ร้องประท้วง ไม่พอใจกับดนตรีที่รุนแรงผิดจากดนตรี classic ทั่วไปที่มักจะเนิบนาบและฟังสบาย เสียงโห่ร้องดังมาก จนนักเต้นไม่สามารถได้ยินเสียงดนตรีจากวง orchestra แต่อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมา ก็ได้รับการยอมรับและชื่นชมไม่น้อย

ในปีต่อมาก็เกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง Stravinsky จึงย้ายถิ่นฐานไปอยู่สวิตเซอร์แลนด์ ผลจากสงคราม ทำให้สังคม และการเงินฝืดเคือง จึงยากที่จะจัดงานแสดงใหญ่ๆได้ Stravinsky จึงเขียน Histoire du soldat (The soldier’s tale) ขึ้นในปี 1918 ที่ใช้ครื่องดนตรีเพียง 6 ชิ้นเท่านั้น ตัวละคร 3 คนและนักเต้นรำ ภาพผลพวงของสงคราม ยังสามารถเห็นได้ ในงานของเขาอีกอย่าง Rag-time ที่ใช้เครื่องดนตรีเพียง 11 ชิ้น

ปี 1920 Stravinsky ย้ายไป Paris และก็ได้สร้างผลงานอย่าง Symphonies of wind instruments, Marva (opera) และบัลเล่ต์ Les noces (свадебка) ที่ใช้ท่วงทำนอง ของเพลงพิ้นบ้านรัสเซีย เปิดแสดงในปี 1923

หลังจากปี 1923 บทเพลงคลสสิคแนวใหม่ของ Stravinsky ที่เรียกว่า Neoclassical ก็เริ่มมีบทบาทและเป็นที่สนใจของผู้คน ปี 1939 Stravinsky ย้ายจากยุโรปไปที่อเมริกา และก็ได้สร้างผลงานที่น่าสนใจอย่าง Circus Polka (1942) เป็นเพลงสำหรับช้างในวงละครสัตว์, Danses concertantes (1942) สำหรับวง orchestra, scènes de ballet (1944) และโอเปร่าที่ประสบความสำเร็จอย่าง The rake’s progress (1951)

Stravinsky เสียชีวิตที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 6 เมษายน 1971 ศพของเขาถูกนำกลับไปฝังที่ Venice ใกล้กับหลุมฝังศพของ Sergei Diaghilev

THIS ARTICLE WAS FIRST PUBLISHED ON

 
To ensure the accuracy of the records, please contact via email
if any information requires correction or updating.

1 comment
  • จะบอกว่าอธิบายได้ยาวมากๆอะ แต่เกิดมายังไม่เคยดูบัลเล่ต์สักครั้งเลย [shy]

Email and website are NOT required
You can also reach me via Twitter

REPORT / REQUEST
REPORT / REQUEST