เหตุการณ์ภาคต่อของ SPIDER-MAN: INTO THE SPIDER-VERSE ที่เกิดขึ้นหลังจากภาคก่อน 16 เดือน เริ่มต้นด้วยเรื่องราวของ Gwen Stacy (Hailee Steinfeld) บนโลกในจักรวาล 65 (Earth-65) เธอต้องปกปิดตัวตนของเธอที่เป็น Spider-Woman ไม่ให้ George (Shea Whigham) พ่อของเธอที่เป็นตำรวจรู้ โดยเฉพาะช่วงเวลาหลังจาก Peter Parker ของจักรวาลนี้เสียชีวิต และ George เชื่อว่า Spider-Woman เป็นคนฆ่า Peter ที่เขารักเหมือนลูกชาย

แม้ว่าเครื่อง Super-Collider ที่ใช้เปิดประตูมิติจะถูกทำลายไปแล้ว แต่ผลกระทบของมันยังคงเกิดขึ้นในมิติอื่นๆ Vulture (Jorma Taccone) จากอีกมิติถูกดูดเข้ามายัง Earth-65 ทำให้ Gwen ต้องเข้าไปพัวพันกับกลุ่ม Spider-Society ที่คอยดูแลแก้ไขสิ่งผิดปกติในมิติอื่นๆ เพื่อปกป้องไทม์ไลน์ โดยมี Miguel O’Hara (Oscar Isaac) เป็นผู้นำสูงสุด

ขณะเดียวกัน Miles Morales (Shameik Moore) บน Earth-1610 ก็ได้พบกับ Spot (Jason Schwartzman) ศัตรูคนใหม่ที่มีความแค้นกับ Spider-Man เพราะเขาคือนักวิทยาศาสตร์ที่ร่างถูกหลอมรวมเข้ากับประดูมิติ หลังจากเครื่อง Super-Collider ระเบิด

ACROSS THE SPIDER-VERSE เป็นภาคที่เขียนบทได้ซับซ้อน ตัวละครมีมิติน่าจดจำ และเล่าเรื่องได้อย่างน่าติดตาม มันเต็มไปด้วยภาพตระการตา และเนื้อหาเข้มข้นอัดแน่นลงในภาพยนตร์ความยาว 140 นาที ซึ่งนับเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันยาวที่สุดเท่าที่มีการสร้างมาในสหรัฐอเมริกา (เท่ากับ Mobile Suit Gundam I และแน่นอนว่ามีภาพยนตร์แอนิเมชันญี่ปุ่นที่มีความยาวมากกว่า เช่น 涼宮ハルヒの消失 มีความยาว 162 นาที)

สิ่งที่ชอบมาก คือการเขียนบทที่มีความพอดีระหว่างความซีเรียส กับมุขตลกที่แทรกสอดเข้ามาได้อย่างลงตัว แล้วยังมีตัวละครเวอร์ชันต่างๆ ของ Spider-Man จากมิติอื่นๆ ที่น่าสนใจ ขนกันมาอย่างคับคั่ง ล้นทะลักยิ่งกว่าภาคที่แล้ว โดยเฉพาะ Spider-Cat (แมวจาก Earth-999), Widow (ม้าจาก Earth-31913), Spider-Rex (T-Rex ชื่อ Pter Ptarker จาก Earth-66)

ชอบ Spider-Punk (Hobart Brown จาก Earth-138) ที่ให้เสียงโดย Daniel Kaluuya เป็นคาแรกเตอร์ที่กวนมาก รวมถึง Pavitr Prabhakar (Karan Soni) ที่ปรากฏตัวใน Mumbattan (Earth-50101) เวอร์ชันอินเดียของเมืองแมนแฮตตัน

ขอยกให้ Spot เป็นหนึ่งใน supervillain ที่น่าจดจำที่สุด และยังมี sub-plot ที่ยังเดาทางทางไม่ถูก ว่าเรื่องนี้จะหักมุมจบลงแบบไหน ใครคือคนที่ร้ายที่สุดกันแน่ — ไม่น่าเชื่อว่าทีมผู้กำกับ จะสามารถสร้างสรรค์งานแอนิเมชัน และบทภาพยนตร์ที่เหนือกว่า SPIDER-MAN: INTO THE SPIDER-VERSE ขึ้นไปได้อีก จนทำให้เราอยากรู้ว่าพวกเขายังมีท่าไม้ตายอะไรเก็บซ่อนเอาไว้อีก

ชอบการเล่นกับไอเดียของการกำเนิดซูเปอร์ฮีโร ว่าต้องมาจากโศกนาฏกรรม ที่เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของพวกเขา — งานด้านภาพคือ รายละเอียดสุดมากในทุกเฟรม สมกับการทุ่มเทของแอนิเมเตอร์กว่า 1,000 คน และมีตัวละครมากถึง 240 ตัว — ควรค่ากับการไปชมในโรงภาพยนตร์ที่จอใหญ่ที่สุดเท่าที่จะหาได้ (ถ้าซื้อตั๋ว IMAX จะได้รับโปสเตอร์เวอร์ชันไอแมกซ์ด้วย)

SPIDER-MAN: ACROSS THE SPIDER-VERSE ฉายรอบปฐมทัศน์ที่โรงภาพยนตร์ Regency Village วันที่ 30 พฤษภาคม 2023 ก่อนจะเข้าฉายในสหรัฐอเมริกา วันที่ 2 มิถุนายน ส่วนในประเทศไทย “สไปเดอร์-แมน: ผงาดข้ามจักรวาลแมงมุม” เข้าฉายตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม

ภาพยนตร์เรื่องต่อไป SPIDER-MAN: BEYOND THE SPIDER-VERSE มีกำหนดเปิดฉายในโรงภาพยนตร์ วันที่ 29 มีนาคม 2024 นอกจากนั้นยังมีโครงการภาพยนตร์แอนิเมชันอีกเรื่องที่จะเป็นภาคแยก (spin-off) โดยมีตัวเอกเป็นผู้หญิง