ดีเจปากร้ายผู้จัดรายการวิทยุรอบดึก ต้องพยายามแก้ไขสถานการณ์ เมื่อสมาชิกครอบครัวของเขาถูกจับเป็นตัวประกัน และคนร้ายขู่จะฆ่าพวกเขา ถ้าหากดีเจไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่ง

Elvis (Mel Gibson) ดีเจปากร้ายที่ไม่สนใจโซเขียลมีเดีย เดินทางไปสถานีวิทยุ KLAT เพื่อจัดรายการตอนเที่ยงคืนชื่อ On The Line ซึ่งเป็นรายการที่เปิดโอกาสให้ผู้ฟ้งโทรเข้ามาปรึกษาปัญหาชีวิตหรือเล่าเรื่องที่ต้องการคำแนะนำจาก Elvis รายการของเขากำลังประสบปัญหาจากยอดผู้ฟังที่ไม่เพิ่มขึ้นเลย

Mary (Alia Seror O’Neil) ผู้ช่วยจัดรายการและตอบรับโทรศัพท์จากแฟนรายการ แนะนำให้เขารู้จักกับ Dylan (William Moseley) พนักงานฝึกงานคนใหม่ที่เพิ่งเดินทางมาจากลอนดอน พร้อมกับย้ำเตือนเขาเรื่องกำหนดการสัมภาษณ์ James Steel นักแสดงตลกที่กำลังมีชื่อเสียงบนโลกออนไลน์

รายการดูเหมือนจะดำเนินไปได้ด้วยดี จนกระทั่งพวกเขาได้รับโทรศัพท์จากชายคนหนึ่งชื่อ Gary ซึ่งมีความแค้นกับ Elvis โดยเขาเชื่อว่า Elvis เป็นต้นเหตุที่ทำให้พนักงานตอบรับโทรศัพท์คนก่อน ต้องออกจากรายการเนื่องจากเธอไม่สามารถทนรับฟังมุขตลกเสียดสีทำร้ายจิตใจได้อีกต่อไป

Gary บอกว่าเขาได้จับตัวภรรยากับลูกสาวของ Elvis ไว้เป็นตัวประกัน และขู่จะลงมือฆ่า ถ้าหาก Elvis ปฏิเสธที่จะทำตามที่เขาต้องการ หรือตัดสายของเขาจากการออกอากาศ Elvis จึงต้องหาทางถ่วงเวลาไว้ให้นานที่สุดเพื่อให้ตำรวจมีเวลาจัดการกับคนร้าย

แต่ Elvis กลับได้รับแจ้งว่า ตำรวจไม่พบทั้งภรรยาและลูกที่บ้าน ท่ามกลางความงุนงง Gary ก็เปิดเผยว่าเขาไดัลักพาตัวภรรยากับลูกของ Elvis มาซ่อนไว้ในอาคารของ KLAT และติดตั้งระเบิดไว้ที่ทางออกทั้งหมดแล้ว Elvis มีเวลา 40 นาทีที่จะหาตัวของเขาให้พบเพื่อหยุดยั้งไม่ให้ระเบิดทำงาน

ชอบช่วง 40 นาทีแรกที่เล่าเรื่องได้น่าติดตามด้วยความระทึก ผู้ชมเห็นเพียงแค่ด้านเดียวคือฉากในสถานีวิทยุและปฏิกิริยาของตัวละคร กับเสียงปริศนาผ่านสายโทรศัพท์ที่ผู้ชมสามารถจินตนาการได้เองว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น อาทิ เสียงตกใจของผู้หญิงและเด็ก เสียงอาวุธปืน เสียงวัตถุตกกระทบ

แต่บทภาพยนตร์ช่วงหลัง ก็ทำให้ทุกอย่างแย่ลงจนกลายเป็นความตลก ทั้งการกระทำของคนร้ายที่ดูไม่สมจริง และการตัดสินใจที่แปลกประหลาดของตัวเอก รวมถึงจุดหักมุมที่ทำลายบรรยากาศที่พยายามสร้างมาตั้งแต่ต้น

ผู้ชมทำได้แค่นั่งภาวนาขออย่าให้มีจุดหักมุมซ้ำกันอีกเลย แต่ก็ไม่เป็นผล การเลือกจบแบบนี้ มันไม่ได้อะไรเลย เหมือนเอาเวลาไปทิ้งเฉยๆ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจที่ ON THE LINE ไม่ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ อยากรู้มากว่า Mel Gibson กับ William Moseley ได้ค่าตัวเท่าไหร่

Saban Films ได้ลิขสิทธิ์การจัดจำหน่ายภาพยนตร์ ON THE LINE และปล่อยให้เช่า/ซื้อในรูปแบบวิดีโอออนดีมานด์ ตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน 2022