NO TIME TO DIE
Cary Joji Fukunaga
(2021)
สมัยที่ Madeleine (Coline Defaud) ยังเป็นเด็ก บ้านของเธอถูกชายปริศนาสวมหน้ากากสีขาวบุกเข้ามาเพื่อฆ่า Mr. White (Jesper Christensen) พ่อของเธอซึ่งเป็นสมาชิกระดับสูงขององค์กร Spectre ที่เป็นคนสั่งการสังหารครอบครัวของเขา ชายปริศนาเดินทางมาเพื่อแก้แค้น แต่เมื่อไม่พบ Mr. White เขาจึงจัดการฆ่าแม่ของเธอ (Mathilde Bourbin)
Madeleine ใช้ปืนยิงตอบโต้ขณะที่ชายสวมหน้ากากพยายามค้นหาตัวเธอ จนชายสวมหน้ากากตกลงไปชั้นล่าง เธอพยายามลากร่างของเขาออกไปนอกบ้านแต่ปรากฏว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ด้วยความตกใจเธอจึงวิ่งหนีไปบนทะเลสาบที่กลายเป็นน้ำแข็ง แต่กลับพลัดตกลงไปใต้ผิวน้ำ ก่อนที่ชายสวมหน้ากากจะยื่นมือมาช่วยชีวิตเธอเอาไว้
ภาคนี้เป็นเรื่องราวที่ต่อเนี่องกับ SPECTRE (2015) — ภาพตัดมาที่ปัจจุบัน James Bond (Daniel Craig) อดีตสายลับ 007 ที่วางมือจาก MI6 เดินทางไป Matera ประเทศอิตาลีพร้อมกับ Madeleine (Léa Seydoux) คนรักของเขา เพื่อเยี่ยมหลุมฝังศพของ Vesper Lynd (Eva Green) อดีตคนรักที่ตายไปในภาค CASINO ROYALE (2006) แต่เขาถูกลอบโจมตีโดยกลุ่มมือสังหารจาก Spectre ทำให้เขาคิดว่าถูก Madeleine หักหลัง เขาจึงตัดสินใจแยกทางกับเธอ
เวลาผ่านไปอีก 5 ปี องค์กร Spectre ส่งทีมบุกเข้าไปชิงอาวุธชีวภาพ Project Heracles ในห้องทดลองลับของ MI6 และลักพาตัว Valdo Obruchev (David Dencik) นักวิทยาศาสตร์ที่เป็นคนคิดค้นไวรัสไปด้วย
James ได้รับการติดต่อจาก Felix Leiter (Jeffrey Wright) เจ้าหน้าที่ CIA ให้มาช่วยตามหาตัวนักวิทยาศาสตร์ที่ถูกลักพาตัวไป ซึ่งเขาตอบตกลงหลังจากได้พบกับ Nomi (Lashana Lynch) สายลับรหัส 007 คนใหม่ที่ห้ามไม่ให้เขาเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้
เขาเดินทางไป Cuba และร่วมมือกับ Paloma (Ana de Armas) เจ้าหน้าที่ CIA ที่ถูกส่งมาช่วยเขาตามจับตัวนักวิทยาศาสตร์ ในงานเลี้ยงวันเกิดของ Ernst Stavro Blofeld (Christoph Waltz) หัวหน้าองค์กร Spectre ซึ่งถูกขังอยู่ในคุก แต่ทั้งหมดเป็นแผนการที่ Blofeld วางไว้ เพื่อล่อ Bond มาฆ่าด้วย Project Heracles ที่ใช้เทคโนโลยี nanobots ในการสังหารเป้าหมายตาม DNA ที่โปรแกรมไว้
Obruchev หักหลัง Blofeld ด้วยการใส่รหัส DNA ของสมาชิกขององค์กร Spectre ลงไปแทน ทำให้ Bond รอดชีวิตมาได้และยังสามารถชิงตัว Obruchev ส่งให้กับ Leiter ได้สำเร็จ ก่อนจะถูก Logan Ash (Billy Magnussen) หักหลังแย่งตัวนักวิทยาศาสตร์ไป
โดยรวมก็เป็น James Bond ที่มีนำการเสนอทัศนียภาพที่สวยงามและฉากแอคชันไล่ล่าที่น่าตื่นเต้นตามแบบฉบับบอนด์ยุคใหม่ ควรค่าแก่การไปชมในโรงภาพยนตร์ สมัยนี้ไม่ค่อยมีสตูดิโอที่ยอมสร้างภาพยนตร์ซีรีย์สายลับฟอร์มยักษ์ระดับนี้แล้ว ที่นึกออกมีเรื่องเดียวคือ MISSION: IMPOSSIBLE แต่เรายังยกให้ MISSION เหนือกว่าในแง่ของบทและการสรรหาความแปลกใหม่ที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ James Bond ยังคงยึดติดกับโครงสร้างเดิมๆ
แม้ว่าภาคนี้จะมี Supervillain ถึง 2 คนคือ Ernst Stavro Blofeld (Christoph Waltz) และ Lyutsifer Safin (Rami Malek) แต่กลับไม่สามารถดึงเอาศักยภาพของนักแสดงให้กลายเป็นตัวร้ายที่น่าจดจำ โดยเฉพาะ Blofeld ที่โผล่มาเป็นแค่ตัวประกอบ ภาคนี้จึงเป็นเหมือนแค่บทสรุปปิดฉากของดับเบิลโอเซเวนเวอร์ชัน Daniel Craig เท่านั้นเอง — Ana de Armas สวยเท่มาก อยากให้มีบทมากกว่านี้
NO TIME TO DIE ฉายครั้งแรกที่งาน Zurich Film Festival วันที่ 28 กันยายน 2021 พร้อมกับฉายรอบปฐมทัศน์ในสหราชอาณาจักรในวันเดียว ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายในประเทศไทยวันที่ 7 ตุลาคม 2021
NO TIME TO DIE ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง 3 รางวัลจาก Academy Awards ครั้งที่ 94 ซึ่งจัดขึ้นที่ Dolby Theatre วันที่ 27 มีนาคม 2022 ในสาขา Best Original Song, Best Sound, Best Visual Effects และสามารถคว้ามาได้ 1 รางวัลคือ Best Original Song (เพลง No Time to Die โดย Billie Eilish & Finneas O’Connell)