二ノ国 白き聖灰の女王
Latest

NI NO KUNI

1920 1080 PRADT
3-MINUTE READ

NI NO KUNI

WRATH OF THE WHITE WITCH
二ノ国 白き聖灰の女王

Level-5
(2019)

★★★★★
 

Ni no Kuni ต้นฉบับดั้งเดิมเป็นของเครื่อง Nintendo DS วางจำหน่ายครั้งแรกในเดือนธันวาคมปี 2010 ในชื่อ 二ノ国 漆黒の魔導士 (Ni no Kuni: Dominion of the Dark Djinn) ความพิเศษของเกมนี้ก็คือตัวละครและฉากต่างๆ ที่เห็นในเกมออกแบบโดย Studio Ghibli ด้วยลายเส้นเฉดสีและการเคลื่อนไหวของตัวละครที่เป็นเอกลักษณ์ของ Studio Ghibli ถูกถ่ายทอดลงมาในเกมได้อย่างชัดเจน อีกทั้งเนื้อเรื่องก็ทำออกได้ดีมาก

นอกจากนี้ตัวเกมยังได้ Joe Hisaishi นักแต่งเพลงที่มักจะร่วมงานกับ Studio Ghibli เป็นประจำ มาร่วมทำเพลงประกอบให้ด้วย ดนตรีประกอบทั้งหมดในเกมบรรเลงโดยวง Tokyo Philharmonic Orchestra — ตัวเกมได้คะแนน 38/40 จากนิตยสาร Famitsu ของญี่ปุ่น

ผมไม่ได้เล่นภาค Nintendo DS เนื่องจากเคยสั่งซื้อเครื่องมาจากญี่ปุ่นและลองเล่นได้แค่ 2-3 วันก็รู้สึกว่าจอมันเล็กเกินไป จึงขายเครื่องให้เพื่อนต่อไปทันที เลยไม่ได้มีโอกาสเล่นเกมอื่นๆ บนแพลตฟอร์มนี้อีกเลย

เวอร์ชันที่ได้เล่นครั้งแรกคือเวอร์ชันที่ออกบน PlayStation 3 ออกในปี 2011 ซึ่งเป็นเวอร์ช้่นอัพเกรด และเปลี่ยนชื่อเป็น 二ノ国 白き聖灰の女王 โครงเรื่องหลักยังคงเดิมแต่มีการเปลี่ยนชื่อตัวละคร และเพิ่มงานกราฟฟิคขั้นสูงในระดับที่ไม่สามารถทำบนเครื่อง Nintendo DS รวมถึงเพิ่มรายละเอียดของเนื้อเรื่องโดยเฉพาะในช่วงหลังของเกมให้มากขึ้นกว่าเดิมไปอีก

เวอร์ชันภาษาอังกฤษ Ni no Kuni: Wrath of the White Witch ออกวางจำหน่ายเดือนมกราคมปี 2013 ซึ่งผมใช้เวลาเล่นไปประมาณ 60 ขั่วโมง เล่นจบไปแล้วแต่ยังมีช่วง post-game ที่ยังเก็บไม่ครบ 100% เครื่อง PS3 ก็มาพังไปซะก่อน ก็เลยไม่ได้เล่นต่อ

ล่าสุด Bandai Namco ประกาศทำรีมาสเตอร์ของเกม เพื่อลง PlayStation 4 และ Windows PC และตัวเกมก็วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา โดยเวอร์ชัน remastered จะรวมตัวเกมและ DLC ที่เคยลงบนเครื่อง PS3 และเล่นที่ความละเอียด 1080p/60fps บน PS4 และ 4K/30fps หรือ 1440/60fps บน PS4 Pro — สำหรับเครื่อง Nintendo Switch ตัวเกมจะเล่นที่ 720p/30fps ทั้งแบบมือถือและต่อกับโทรทัศน์

ในตอนแรกก็ลังเลว่าจะซื้อแพลตฟอร์มไหนดี แต่เครื่อง PS4 ก็ไม่ได้เปิดมานานมาก และตัวเกมก็ไม่ได้ต้องการความละเอียดขนาดนั้น จึงตัดสินใจซื้อเวอร์ชัน Nintendo Switch ดีกว่า เพราะสมัยนี้คงไม่ได้มีเวลานั่งเล่นที่บ้านเท่าไหร่ เครื่องที่สามารถเล่นได้ระหว่างนั่งรถเดินทาง หรือในร้านกาแฟ น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะที่สุด

ตัวละครหลักคือเด็กผู้ชายชื่อ Oliver อาศัยอยู่กับ Allie แม่ของเขาในเมือง Motorville — คืนวันหนึ่ง Oliver แอบหนีออกจากบ้านเพื่อไปทดสอบรถยนต์ที่ Philip เพื่อนสนิทของเขาเป็นสร้าง แต่เกิดอุบัติเหตุทำให้ Oliver ตกลงไปในแม่น้ำ ขณะนั้นเอง Allie ตามมาจนทันและช่วย Oliver ได้สำเร็จ หลังจากนั้น Aliie ก็เสียชีวิตอย่างกระทันหันด้วยโรคหัวใจ ทิ้งให้ Oliver อยู่เพียงลำพัง

Oliver เสียใจจากการจากไปของแม่ จนน้ำตาหยดลงบนตุ๊กตาที่แม่ของเขามอบให้ ตุ๊กตากลับมีชีวิตขึ้นมาและบอกว่าตัวเองเป็นแฟรี่ชื่อ Drippy ซึ่งมาจากอีกโลกหนึ่ง และเมื่อ Drippy เห็นรูปถ่ายของ Allie ก็ตกใจมากเพราะหน้าตาของเธอเหมือนกับ Alicia หนึ่งนักเวทผู้ยิ่งใหญ่ในโลกของเขาซึ่งถูก Shadar พ่อมดที่ชั่วร้ายจับตัวไป — ทุกคนในโลกนี้จะมีอีกตัวเองอีกคนในโลกอีกใบซึ่ง Drippy เชื่อว่าถ้า Oliver สามารถช่วย Alicia ได้ เขาก็จะสามารถนำ Allie กลับมาได้อีกครั้ง

หลังจากที่ Oliver และ Drippy ค้นพบตำราเวทมนตร์ที่ซ่อนอยู่ในเตาผิง พวกเขาก็เดินทางข้ามไปอีกโลกได้สำเร็จ แต่ทว่าการเดินทางมาของ Oliver ก็อยู่ในคำทำนายของโลกนี้ เด็กชายที่มีหัวใจบริสุทธิ์ที่จะมาทำลายความชั่วร้าย — Oliver จึงต้องผจญภัยฝ่าฟันอันตราย ข่วยเหลือผู้คน และไขปริศนามากมาย เพื่อค้นหา Alicia ด้วยความหวังอันแรงกล้าว่าจะช่วยชีวิตแม่ของเขาให้ได้

Ni no Kuni: Wrath of the White Witch นับเป็นหนึ่งใน JPRG ที่ดีที่สุด ทั้งภาพ, ตัวละคร, ระบบการต่อสู้, ดนตรีประกอบ, และเนื้อเรื่องที่จัดอยู่ในระดับยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการพัฒนาสัตว์รับใช้ (Familiar) ที่เราต้องไปจับมาเพิ่ม

ส่วนเพื่อนแต่ละคนก็จะมีความสามารถหลักพิเศษต่างกัน Esther สามารถใช้พิณเพื่อดึงศัตรูมาเป็นพวกได้ Swaine มีปืนที่สามารถเปิดหีบสมบัติในระยะไกลได้ และยังเป็นคนเดียวในกลุ่มที่สามารถขโมยของจากศัตรูได้

ส่วนที่ชอบมากอีกอย่างในเกมนี้คือ ระบบศัตรูที่เราจะมองเห็นก่อนว่าเรากำลังจะสู้กับตัวอะไร สามารถเลือกที่จะเลี่ยงหลบหรือแอบไปข้างหลังเพื่อได้สิทธิ์โจมตีก่อน และระบบที่ศัตรูสามารถรับรู้เลเวลของเราเมื่อเห็นเรา ถ้าเรามีเลเวลน้อยกว่ามันก็จะวิ่งเข้ามาโจมตี แต่ถ้าเราเลเวลสูงกว่ามาก มันก็จะวิ่งหนีไปเอง

สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นเกมนี้มาก่อน และชอบเล่น JRPG ก็ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งว่าไม่ควรพลาดเกมนี้ด้วยประการทั้งปวง สำหรับผู้ที่เคยเล่นมาแล้วก็สามารถซื้อมาเล่นอีกรอบในเวอร์ชัน Nintendo Switch ที่สามารถนำไปเล่นที่ไหนก็ได้ อยากหยุดเกมไว้แล้วมาเล่นต่อตอนไหนก็ได้ มันสะดวกดีมาก

ถ้าเทียบราคากับความคุ้มค่าแล้ว ส่วนตัวคิดว่าเกมนี้ยังคุ้มกว่า The Legend of Zelda: Link’s Awakening ที่ใช้เวลาเล่นประมาณ 15 ชั่วโมงก็จบแล้ว

Ni no Kuni: Wrath of the White Witch ต้องใช้เวลาเล่นอย่างน้อย 45 ชั่วโมงเพื่อที่จะจบเนื้อเรื่องหลัก และหลังเล่นจบยังมี post-game ที่มีเนื้อเรื่องเสริมต่อไปอีก ซึ่งต้องใช้เวลาเล่นอีกประมาณ 10 ชั่วโมง และถ้าต้องการเล่นให้ครบ 100% ก็น่าจะต้องใช้เวลารวมทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 90 ชั่วโมง

THIS ARTICLE WAS FIRST PUBLISHED ON

 
To ensure the accuracy of the records, please contact via email
if any information requires correction or updating.

REPORT / REQUEST
REPORT / REQUEST