Little Joe
2019 | Jessica Hausner
Alice Woodard (Emily Beecham) เป็นนักวิจัยที่ถูกจ้างมาเพื่อร่วมทีมกับ Chris (Ben Whishaw) เพื่อเพาะพันธุ์ดอกไม้ชนิดใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยการตัดต่อพันธุกรรม ซึ่งในสาขานี้ก็ได้มีการแข่งขันจากบริษัทต่างๆ ที่จะทำให้ต้นไม้ดอกไม้มีความคงทนต่อสภาพอากาศ ไม่จำเป็นต้องดูแลมาก เจ้าของสามารถออกเดินทางไปเที่ยวหลายอาทิตย์โดยไม่ต้องรดน้ำ เป็นต้น
แต่ Alice ต้องการทำทำสิ่งที่ตรงกันข้าม เธอสร้างดอกไม้พันธุ์ใหม่ที่ต้องการการดูแลอย่างดีจากเจ้าของ ต้องคอยรดน้ำและพูดคุยกับดอกไม้ และดอกไม้ก็จะมอบสิ่งตอบแทนให้เป็นกลิ่นที่ทำให้เจ้าของเกิดความสุข และเธอตั้งชื่อดอกไม้พันธุ์ใหม่ว่า Little Joe ตามชื่อของ Joe (Kit Connor) ลูกชายเธอ ซึ่งเธอก็นำดอกไม้นี้ออกจากห้องเพาะมาให้ลูกชายของเธอด้วย
จากนั้นก็เริ่มเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นเมื่อ Bello สุนัขตัวโปรดของ Bella (Kerry Fox) หนึ่งในนักเพาะพันธุ์พืช หลุดเข้าไปในห้องเพาะพันธุ์และเมื่อมันออกมา มันก็มีนิสัยเปลี่ยนไปเหมือนกลายเป็นสุนัขคนละตัว ซึ่งหลังจากการตรวจสอบสัตวแพทย์ไม่พบอะไรผิดปกติ นอกจากสมองส่วนที่เป็นความทรงจำของสุนัขเสื่อมลงทำให้มันไม่สามารถจำเจ้าของมันได้ — Bella สงสัยว่า Little Joe เป็นต้นเหตุของความผิดปกตินี้ แต่เธอก็ไม่มีหลักฐานอะไร แม้ว่าเธอจะพยายามบอกเรื่องนี้กับ Alice แต่ Alice ก็ไม่มีท่าทีว่าจะเชื่อเรื่องที่เธอบอกแต่อย่างใด
Alice เริ่มคิดถึงความเป็นไปได้ว่าดอกไม้อาจจะมีอันตรายจากวิธีการเพาะพันธุ์ของเธอ หลังจากที่ Ivan (Sebastian Hülk) พ่อของ Joe บอกเธอว่าเขารู้สึกว่าลูกชายเปลี่ยนไปจากเดิม ทำไมเธอถึงไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนี้
ส่วนที่ชอบในภาพยนตร์เรื่องนี้คือ cinematography มุมกล้องและการใช้สีในเรื่องที่ทำออกมาได้สวยงามมากในทุกฉาก การแสดงของนักแสดงนำ Emily Beecham ก็ดีมาก สมกับที่ได้รางวัล Best Actress จาก Festival de Cannes 2019 － ปกติจะไม่ค่อยดูภาพยนตร์ที่ส่งเข้าประกวดงาน Cannes เท่าไหร่ เนื่องจากมันจะเป็นอีกแนวเลยที่ไม่ใช่แนวตลาดแบบดูง่ายๆ ส่วนใหญ่มักจะเป็นภาพยนตร์ที่ขายเฉพาะกลุ่ม เรื่องนี้ก็เช่นกัน แต่ที่หยิบมาดูเพราะมี Ben Whishaw เล่นด้วย ซึ่งก็แสดงได้ดีเหมือนเดิม
ส่วนที่ไม่ชอบคือดนตรีประกอบในเรื่องที่ดึงความสนใจมากจนน่ารำคาญ เสียงประหลาดที่มักจะทำให้รู้สึกตื่นเต้นตกใจ เรียกว่าเป็นอีกขั้วของภาพที่กำลังดูในเรื่องที่มันจะราบเรียบแบบเนิบๆ ฟังแล้วทำให้นึกถึงเพลงประกอบ Under the Skin (2013) ผลงานของ Mica Levi แต่มันก็ยังทำไม่ได้ระดับนั้น ทำให้ความชอบในการรับชมลดไปพอสมควร โดยเฉพาะเสียงประกอบที่เหมือนจะมีอะไรออกมา แต่ก็ไม่มี
