JURASSIC WORLD เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 4 ในแฟรนไชส์ JURASSIC และนับเป็นเรื่องแรกของไตรภาคใหม่ ซึ่งตามไทม์ไลน์จะเป็นเหตุการณ์หลังจาก Simon Masrani (Irrfan Khan) เจ้าของ Masrani Global ที่มีกิจการขุดเจาะน้ำมันและระบบการสื่อสารผ่านดาวเทียม เข้าซื้อ InGen ที่ประสบล้มเหลวในการลงทุนสร้างจูราสสิคพาร์คและการจากไปของ John Hammond (Richard Attenborough) ผู้ก่อตั้ง

Simon ทุ่มเงินลงทุนกว่า 1,200 ล้านเหรียญสร้าง JURASSIC WORLD ขึ้นมาจนสำเร็จในปี 2004 และเปิดอย่างเป็นทางการในปี 2005 สร้างรายได้มากมายจากการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก แต่ก็ประสบปัญหาในปี 2011 ที่จำนวนผู้ชมลดลงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนเกิดความกังวัล Simon จึงอนุมัติให้ Henry Wu (B.D. Wong) นักวิทยาศาสตร์ที่อยู่มาตั้งแต่ JURASSIC PARK (1993) สร้างไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่ขึ้นมา นั่นก็คือ Indominus Rex

Zach (Nick Robinson) และ Gray (Ty Simpkins) สองพี่น้องเดินทางมาเที่ยวที่ JURASSIC WORLD บนเกาะ Isla Nublar ซึ่งมี Claire (Bryce Dallas Howard) น้าสาวของพวกเขาเป็นผู้จัดการดูแล แต่ Claire มีงานที่ต้องสะสางมากมาย เธอจึงส่ง Zara (Katie McGrath) ผู้ช่วยของเธอมาให้มาดูแลแทน

ก่อนที่จะเปิดตัวไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่อย่างเป็นทางการ Simon ต้องการให้ Claire เชิญตัว Owen (Chris Pratt) มาตรวจสภาพของกรงขังว่ามีความปลอดภัยเพียงพอ แต่ Indominus ใช้ความฉลาดและความสามารถพิเศษของมันหนีออกมาจากกรงขังได้สำเร็จ

Owen พยายามบอกให้ Simon สั่งฆ่า Indominus ทันที แต่ Simon ปฏิเสธเนื่องจากเขาได้ใช้เงินลงทุนจำนวนมหาศาลในการสร้างไดโนเสาร์ตัวนี้ และเขาเชื่อว่าทีมจู่โจมพิเศษจะสามารถจับตัวมันกลับมาได้ ในไม่ช้าทึมพิเศษก็ถูก Indominus สังหารทั้งหมด ทำให้ Claire ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสั่งอพยพนักท่องเที่ยวในเส้นทางที่ไดโนเสาร์กำลังมุ่งหน้าไป

สองพี่น้อง Zach และ Gray อาศัยจังหวะที่ Zara คลาดสายตา หลบหนีไปเที่ยวกันเองสองคน และได้พบกับ Indominus ที่ทำให้ทั้งสองคนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เมื่อ Claire รู้ว่าหลานชายของเธอยังคงอยู่ในพื้นที่อันตราย เธอจึงขอความช่วยเหลือจาก Owen นำทางแกะรอยเพื่อไปหาตัวหลานชายทั้งสองคน

JURASSIC WORLD เป็นภาคต่อที่สร้างออกมาได้อลังการดี คือหลังจากภาค 3 ก็คงทำสเกลให้เล็กลงไม่ได้แล้ว มีแต่ต้องเล่นใหญ่ขึ้น ไดโนเสาร์ก็ต้องโหดขึ้นไปอีก ชอบฉากที่ชวนให้นึกถึง JURASSIC PARK (1997) ภาคแรก แม้ว่า JURASSIC WORLD จะไม่สามารถสร้างความประทับใจระดับที่ภาคแรกเคยทำไว้ แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นภาคต่อที่บันเทิงใช้ได้เลยทีเดียว