ภาคสุดท้ายของซีรีส์ JOHN WICK คือภาคที่สนุกที่สุด และเป็นภาคที่ยาวที่สุด เต็มไปด้วยฉากต่อสู้ ฉากไล่ล่าอันน่าระทึกใจ ที่ต่อยอดมาจากภาคก่อนๆ ควรค่ากับการไปชมในโรงภาพยนตร์ที่มีระบบเสียงดีที่สุด

ภาค 4 ของซีรีส์ภาพยนตร์ JOHN WICK เรื่องราวต่อเนื่องกับ Chapter 3 – Parabellum เมื่อ John Wick (Keanu Reeves) ได้รับความช่วยเหลือจาก Bowery King (Laurence Fishburne) จนสามารถหวนกลับคืนเข้าสู่โลกของนักฆ่าอีกครั้ง เพื่อล้างแค้นล้มบัลลังก์ของสภาสูง (High Table) ด้วยการสังหาร The Elder (George Georgiou) ชายผู้นั่งอยู่บนตำแหน่งสูงสุดของ High Table

แต่องค์กรของ High Table เปรียบเสมือนไฮดรา (Hydra) สัตว์ในตำนานเทพปกรณัมกรีก ที่สามารถงอกหัวใหม่ออกมาได้เรื่อยๆ พวกเขาแต่งตั้ง Marquis Vincent de Gramont (Bill Skarsgård) ขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ที่มีอำนาจสูงสุด เพื่อมาจัดการกับ John Wick

Marquis สั่งปลด Winston (Ian McShane) ออกจากตำแหน่งผู้จัดการ และทำลายโรงแรม Continental สาขานิวยอร์ก โทษฐานที่เขาให้ความช่วยเหลือ ปล่อยให้ John Wick หลุดรอดไปได้ เพื่อให้ทุกคนที่คิดจะทำลายกฏของ High Table ได้เห็นเป็นเยี่ยงอย่าง ก่อนจะเดินทางไปปารีส เพื่อเรียกตัว Caine (Donnie Yen) อดีตมือสังหารตาบอดขององค์กร โดยใช้ชีวิตลูกสาวมาบีบบังคับให้ Caine ยอมทำตามคำสั่ง

John หนีไปซ่อนตัวอยู่ที่โรงแรม Continental สาขาโอซากะ ซึ่งมี Shimazu Koji (Hiroyuki Sanada) สหายเก่าเป็นผู้จัดการ ทำให้ Akira (Rina Sawayama) ลูกสาว รู้สึกไม่สบายใจ เพราะเธอเชื่อว่า High Table จะต้องส่งคนมาคิดบัญชีกับทุกคนที่เป็นพันธมิตรกับ John Wick และสิ่งที่เธอกังวลก็กลายเป็นความจริง เมื่อ High Table ส่งคนมาตรวจสอบที่โรงแรม

ด้วยความช่วยเหลือจากแทรคเกอร์ (Shamier Anderson) ผู้เรียกตัวเองว่า Mr. Nobody ทำให้ John รอดชีวิตมาได้ เขาต้องการให้เงินค่าหัวของ John เขยิบสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงมูลค่าที่เขาตั้งเป้าหมายเอาไว้

เมื่อค่าหัวของ John สูงขึ้น ก็มีนักฆ่าจากทุกหนแห่งปรากฏตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างไม่มีวันจบสิ้น การลอบสังหาร Marquis ก็ไม่ใช่คำตอบ เพราะ High Table ก็จะแต่งตั้งคนใหม่ขึ้นมาแทน วิธีเดียวที่ John จะสามารถหลุดจาก High Table ได้ ก็คือ เขาต้องท้าประลองกับ Marquis ตัวต่อตัวตามกฏเก่าแก่ แต่เขาต้องได้รับการเสนอชื่อและสนับสนุนโดยตระกูลที่เป็นสมาชิกขององค์กร

ชอบความเล่นใหญ่กว่าเดิมในฉากไล่ล่าที่น่าตื่นเต้น บริเวณ Arc de triomphe de l’Étoile หนึ่งในแลนด์มาร์คของปารีส และฉากต่อสู้บนขั้นบันไดของ Sacré-Cœur Basilica (ที่รู้สึกซ้ำซากไปนิด ตรงที่ John กลิ้งตกบันไดถึงสองรอบ)

ชอบชุดสูทกันกระสุนในภาคนี้ ที่กลายเป็นของธรรมดาไปแล้ว เมื่อลูกสมุนทุกคนของ High Table ก็ใส่สูทที่สามารถปัดกระสุนได้ด้วยแขนเสื้อ (แต่โดน headshot ก็ตายอยู่ดี) ฉากที่ชอบสุดคือฉาก overhead top down shot ที่ถ่ายจากมุมด้านบนแล้วเคลื่อนกล้องตามไปเรื่อยๆ

ตัวร้ายโรคจิตในภาคนี้ที่รับบทโดย Bill Skarsgård ก็เป็นตัวร้ายที่น่าจดจำที่สุดในซีรีส์ น่าดีใจที่น้องได้บทเด่นในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์สักที หลังจาก IT (2017) ที่พอกหน้าเป็นตัวตลกจนจำไม่ได้ น้องก็ได้เล่นแต่ละครโทรทัศน์ กับบทนำในภาพยนตร์ฟอร์มเล็กอย่าง Villains (2019) หรือบทตัวประกอบใน BARBARIAN (2022)

JOHN WICK: Chapter 4 คือภาคที่สนุกที่สุด และเป็นภาคที่ยาวที่สุด ด้วยความยาวทะลุ 2 ชั่วโมงครึ่ง มันเต็มไปด้วยฉากต่อสู้ ฉากไล่ล่าอันน่าระทึกใจ ที่ต่อยอดมาจากภาคก่อนๆ ควรค่ากับการไปชมในโรงภาพยนตร์ที่มีระบบเสียงดีที่สุด (not IMAX) เรียกได้ว่าเป็นภาคจบที่สมศักดิ์ศรี (และหวังว่าจะไม่มีภาคต่อ ถ้าไม่สามารถทำได้เหนือกว่าภาค 4 ก็อย่าทำเลย) — หลังฉากจบมีฉากพิเศษที่คล้ายกับการบอกใบ้ว่าจะมีภาคสปินออฟ แต่ก็คงต้องดูรายได้รวมของภาคนี้ก่อนว่าจะมีหวังไหม

JOHN WICK: Chapter 4 ฉายรอบปฐมทัศน์ที่โรงภาพยนตร์ ODEON Luxe Leicester Square ในลอนดอน วันที่ 6 มีนาคม 2023 ก่อนจะเข้าฉายในสหรัฐอเมริกา วันที่ 24 มีนาคม ส่วนในประเทศไทย “จอห์น วิค แรงกว่านรก 4” เข้าฉายตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม