Latest

ENOLA HOLMES

4000 1200 PRADT
3-MINUTE READ

ENOLA HOLMES

Harry Bradbeer
(2020)

★★★½☆
 

Enola Holmes เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากหนังสือนิยายของ Nancy Springer นักเขียนชาวอเมริกัน ตีพิมพ์ครั้งแรกวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2006 ในชื่อ Enola Holmes Mystery: The Case of the Missing Marquess โดยหลังจากนั้นก็มีซีรีย์หนังสือตามออกมาอีก 5 เล่มคือ The Case of the Left-Handed Lady (2007), The Case of the Bizarre Bouquets (2008), The Case of the Peculiar Pink Fan (2008), The Case of the Cryptic Crinoline (2009) และ The Case of the Gypsy Goodbye (2010)

ตัวภาพยนตร์นำเรื่องราวมาจากหนังสือเล่มแรก The Case of the Missing Marquess เป็นเหตุการณ์หลังจากวันเกิดของ Enola (Millie Bobby Brown) ซึ่งอาศัยอยู่กับ Eudoria (Helena Bonham Carter) แม่ของเธอเพียงสองคน พบว่าในตอนเช้าหลังจากที่เธอตื่นขึ้นมา เธอก็หาแม่ของเธอไม่พบ

แม่ของเธอได้หายตัวไปอย่างปริศนา เหลือไว้แต่กล่องของขวัญที่แม่ของเธอสั่งให้ Mrs. Lane (Claire Rushbrook) ผู้ดูแลบ้าน นำมามอบให้ Enola หลังจากที่ Eudoria ได้หายตัวไปจากบ้านแล้ว ซึ่งภายในกล่องมีอุปกรณ์สำหรับวาดภาพ, หนังสือ Language of Flowers, การ์ดกระดาษที่มีรูปวาดดอกไม้ และวงล้อรหัสอักษร

พี่ชายของเธอ Sherlock Holmes (Henry Cavill) นักสืบชื่อดัง และ Mycroft Holmes (Sam Claflin) ทั้งสองคนซึ่งออกจากบ้านไปตั้งแต่เธอยังเด็ก เดินทางกลับมาที่บ้านอีกครั้งหลังจากได้ข่าวการหายตัวไปของแม่ Mycroft กลายเป็นผู้รับผิดชอบดูแลของเธอ และเขาต้องการส่งเธอเข้าโรงเรียนฝึกสอนกุลสตรีของ Miss Harrison (Fiona Shaw)

ทั้ง Sherlock และ Enola สามารถแกะรหัสที่แม่ทิ้งไว้และได้ข้อสรุปแบบเดียวกัน คือแม่ได้วางแผนและออกจากบ้านไปด้วยความสมัครใจของเธอเอง แต่พวกเขาก็ยังไม่รู้สาเหตุนอกจากความคิดที่ว่าแม่มักจะมีเหตุผลสำหรับการกระทำทุกอย่างของเธอ Enola ค้นพบจดหมายและเงินจำนวนมากที่แม่ของเธอทิ้งเอาไว้ให้ เธอจึงปลอมตัวเป็นเด็กผู้ชายและหนีออกจากบ้านเพราะไม่ต้องการถูกส่งไปโรงเรียนประจำ เธอตัดสินใจออกไปตามหาแม่ของเธอ

ระหว่างทางเธอได้พบกับ Viscount Tewksbury, the Marquess of Basilwether (Louis Partridge) บนรถไฟซึ่งเขาได้หนีออกจากบ้านมาเช่นกัน Enola บอกเขาว่าทางบ้านของเขาส่งคนขึ้นรถไฟมาเพื่อตามตัวเขากลับไป และเธอไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของเขา แต่ในที่สุดเธอก็ต้องช่วยชีวิตเขาและทั้งคู่ต้องกระโดดลงจากรถไฟ เพื่อหลบหนีผู้ชายปริศนาที่ต้องการฆ่าเขา

Enola จึงต้องเข้าไปเกี่ยวพันกับการหาตัวคนร้ายตัวจริงที่พยายามจะฆ่า Tewksbury พร้อมไปกับการค้นหาแม่ที่อาจจะไปเกี่ยวพันกับเรื่องบางอย่าง ที่เธอยังไม่มั่นใจว่าเธอต้องการจะรู้ความจริงหรือเปล่า

โปรเจ็ค Enola Holmes เป็นความคิดของ Millie Bobby Brown หลังจากที่เธอได้อ่านหนังสือเรื่องนี้เมื่อ 5 ปีก่อน ขณะที่เธออายุประมาณ 11 ปี เธอตั้งใจจะแสดงเป็น Enola Holmes แต่เธอยังเด็กเกินกว่าที่จะรับบทเป็นเด็กสาวอายุ 16 ปี (ต้นฉบับหนังสือเล่มแรกระบุว่า Enola อายุ 14 ปีเท่านั้น) นอกจากนี้เธอเพิ่งจะมีงานแสดงแค่ซีรีย์ Stranger Things (เริ่มถ่ายทำในปี 2015) เท่านั้น และเป็นช่วงที่เธอกำลังจะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอ Godzilla: King of the Monsters (เริ่มถ่ายทำในปี 2017)

หลังจากภาพยนตร์ Godzilla เธอจึงได้ตัดสินใจร่วมงานกับ Legendary Pictures อีกครั้ง โดยมี Harry Bradbeer ผู้กำกับชาวอังกฤษที่สร้างชื่อจากซีรีย์โทรทัศน์ Fleabag และ Killing Eve มาเป็นผู้กำกับ ร่วมกับ Jack Thorne นักเขียนบทชาวอังกฤษ ซึ่งมีผลงานสร้างชื่อจากละครเวที Harry Potter and the Cursed Child และซีรีย์โทรทัศน์ National Treasure

ต้องชมการแสดงของ Millie Bobby Brown ที่ทำออกมาได้ดีมาก เธอยังเป็นคนเสนอความคิดเรื่องที่เธอต้องการ break the fourth wall กับ Jack Thorne ในการดำเนินเรื่อง (Fourth wall มาจากการแสดงละครเวทีที่จะใช้กำแพงสมมุติคั่นระหว่างนักแสดงและผู้ชม โดยนักแสดงจะทำเหมือนกับว่าพวกเขามองไม่เห็นผู้ชมที่กำลังดูอยู่ breaking the fourth wall จึงหมายถึงการแสดงที่ทำลายกำแพงสมมุตินี้ โดยการที่นักแสดงหยุดการแสดงไว้ชั่วขณะ และพูดกับผู้ชมโดยตรงเพื่ออธิบาย ถามคำถาม หรือเล่าเรื่องขยายเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น)

ฉาก เครื่องแต่งกาย รวมถึงเพลงประกอบทำออกมาได้สวยงามตามท้องเรื่อง บทและการเดินเรื่องก็ทำออกมาได้น่าติดตาม แม้ว่ามีช่วงที่รู้สึกอืดไปบ้าง เช่นช่วงที่ Enola ถูกจับตัวกลับไปเข้าโรงเรียนประจำ ซึ่งในหนังสือ Enola ไม่ได้ถูกส่งไปโรงเรียนประจำ และ ฉาก flashback ที่ย้อนอดีตที่โผล่มาเรื่อยๆ จนทำให้รู้สึกรำคาญ

Louis Partridge นักแสดงหน้าใหม่ที่ไม่เคยเรียนการแสดงมาก่อน ก็สามารถแสดงเป็น Lord Tewksbury ได้อย่างดูเป็นธรรมชาติ แม้ว่าในหนังสือระบุไว้ว่า Tewksbury อายุเพียง 12 ปีเท่านั้น

ส่วน Henry Cavill และ Sam Claflin ในบท Sherlock Holmes และ Mycroft Holmes ก็ดูเป็นตัวประกอบมาก ไม่ค่อยมีความสำคัญกับเนื้อเรื่องเท่าไหร่ เหมือนมีเอาไว้เพื่อดึงดูดให้คนมาดูหน้า Sherlock แค่นั้น

นับเป็นภาพยนตร์ที่ทำออกมาได้สนุก ดูได้เพลินๆ และยังมีการทิ้งท้ายว่าอาจจะมีภาคต่อ ซึ่งก็มีความเป็นไปได้เพราะยังมีเนื้อหาในหนังสืออีกถึง 5 เล่ม ที่สามารถนำมาทำเป็นภาพยนตร์ได้


วันที่ 23 มิถุนายน 2020 Conan Doyle Estate เจ้าของลิขสิทธิ์ Sherlock Holmes ได้สั่งฟ้อง Nancy Springer, Legendary Pictures, PCMA Productions, และ Netflix ว่าด้วยการละเมิดลิขสิทธิ์อารมณ์ของตัวละคร Sherlock Holmes ที่ปรากฏอยู่ใน 10 เรื่องสุดท้ายที่ Sir Arthur Conan Doyle เป็นผู้ผลิต และยังไม่ได้ปล่อยเป็น public domain โดยระบุถึงการที่ Sherlock Holmes มีอารมณ์ที่เป็นมนุษย์มากขึ้น ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนที่เขาจะฟื้นกลับมาหลังจาก The Final Problem

รายชื่อ 10 เรื่องสุดท้ายของ Sherlock Holmes ที่ Conan Doyle Estate ยังเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ คือ The Adventure of the Creeping Man (1923), The Adventure of the Sussex Vampire (1924), The Adventure of the Three Garridebs (1924), The Adventure of the Illustrious Client (1924), The Adventure of the Three Gables (1926), The Adventure of the Blanched Soldier (1926), The Adventure of the Lion’s Mane (1926), The Adventure of the Retired Colourman (1926), The Adventure of the Veiled Lodger (1927), The Adventure of Shoscombe Old Place (1927)

REPORT / REQUEST
REPORT / REQUEST