DARK
Baran bo Odar & Jantje Friese
(2017)
Der Unterschied zwischen Vergangeheit, Gegenwart und Zukunft ist nur eine Illusion, wenn auch eine hartnäckig…
ซีรีย์ภาษาเยอรมันของ Netflix กับเรื่องราวประหลาดที่เริ่มขึ้นในวันที่ 21 มิถุนายน 2019 ในเมือง Winden เมื่อ Michael Kahnwald (Sebastian Rudolph) พ่อของ Jonas Kahnwald (Louis Hofmann) ตัดสินใจฆ่าตัวตายและทิ้งจดหมายที่ระบุวันและเวลาที่จะให้เปิดอ่านเนื้อความไว้บนหน้าซอง แต่จดหมายถูก Ines Kahnwald แม่ของ Michael นำไปซ่อนไว้ก่อนที่จะมีใครพบ
การจากไปของพ่อทำให้ Jonas ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง ต้องเข้ารับการบำบัดทางจิตในสถาบันกับ Peter Doppler (Stephan Kampwirth) เป็นเวลาหลายเดือนจนถึงเดือนพฤศจิกายน จึงได้รับการปล่อยตัวให้กลับมาใช้ชีวิตปกติได้
ในช่วงระหว่างนั้น Erik Obendorf ก็หายตัวไปเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2019 โดยที่ไม่มีใครทราบเบาะแสใดๆ — แต่นี่ก็ไม่ใช่คดีการหายตัวไปครั้งแรกของเมืองนี้ เนื่องจากเมื่อ 33 ปีก่อน Mads Nielsen (Valentin Oppermann) น้องชายของตำรวจ Ulrich Nielsen (Oliver Masucci) ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในปี 1986
ในคืนวันที่ 4 พฤศจิกายน 2019 พวกเด็กๆ Jonas, Bartosz Tiedemann (Paul Lux), Martha Nielsen (Lisa Vicari), Magnus Nielsen (Moritz Jahn), Mikkel Nielsen (Daan Lennard Liebrenz) และ Franzisk Doppler (Gina Stiebitz) ออกไปค้นหายาเสพติดที่ Erik ซ่อนไว้ในถ้ำใกล้กับโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ — พวกเขาได้ยินเสียงประหลาดออกมาจากถ้ำ และไฟฉายก็เกิดติดๆ ดับๆ ทำให้ทุกคนตกใจมาก และพยายามวิ่งหนีเข้าไปเมือง — แต่หลังจากที่ทุกคนรวมตัวกันได้อีกครั้งก็พบกว่า Mikkel ได้หายตัวไปแล้ว — พวกเด็กๆ จึงพยายามกลับเข้าไปตามหาในป่าอีกครั้งแต่ก็ไม่เจอ จนต้องแจ้งผู้ใหญ่และตำรวจช่วยออกค้นหา
วันรุ่งขึ้นก็มีการค้นพบศพของเด็กชายคนหนึ่งในป่า คาดว่าจะเป็น Mikkel แต่เมื่อ Ulrich ผู้เป็นพ่อมาถึงก็รู้ว่าเด็กผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ Mikkel (แต่คนดูก็น่าจะพอเดาได้แล้วว่าเด็กปริศนาคนนี้คือใคร น่าแปลกใจที่คนที่เกี่ยวข้องในเรื่องกลับนึกไม่ออก อาจเป็นเพราะเวลามันผ่านมาถึง 33 ปีแล้วก็เป็นได้)
ต่อกันด้วยตัวละครปริศนาคนใหม่ที่ปรากฏตัวขึ้นมาใน Winden ผู้มาพร้อมกับหนังสือ Eine Reise durch die Zeit (A journey through time) และอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ประหลาดซ่อนอยู่ในกระเป๋าเดินทาง ซึ่งยังไม่เปิดเผยรายละเอียดใดๆ
ภาพตัดมาที่ Mikkel เดินทะลุผ่านปากถ้ำออกมา โดยที่ไม่บอกว่า Mikkel เข้าไปในถ้ำทำไมขณะที่ทุกคนวิ่งหนีไป (หรือถูกใครจับตัวเข้าไปในถ้ำ?) Mikkel มุ่งตรงกลับไปที่บ้านของเขา พบว่ามีมอเตอร์ไซต์และรถที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน — เมื่อเขาพยายามใช้กุญแจไขเข้าบ้านไม่ได้ ก็พบว่ามีเด็กหนุ่มแปลกหน้าที่บอกว่าตัวเองชื่อ Ulrich เป็นผู้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้
Mikkel ก็ได้รู้ว่าตัวเองย้อนเวลากลับมาวันที่ 5 พฤศจิกายนปี 1986!
ใช่แล้ว เรื่องนี้คือซีรีย์เดินทางข้ามเวลาผ่านถ้ำ! (ทำไมง่ายจัง ใครก็ข้ามเวลาได้ หมายังข้ามได้ โอ๊ย หมาเปิดประตูยังไงนะ) กับความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดระหว่าง 4 ครอบครัว Kahnwald, Nielsen, Doppler, และ Tiedemann ที่มีทั้งความลับและความชั่วร้าย แทบจะไม่น่ามีคนดีอยู่ในเรื่องนี้ ทำให้เราไม่ค่อยรู้สึกลุ้นหรือผูกพันกับตัวละครตัวไหนเป็นพิเศษ ทั้งเมืองนี้สมควรถูกธรณีสูบลงไปแบบ Drag Me to Hell… แต่ก็อยากรู้ว่าจะผูกเรื่องยังไงต่อไป
นอกจากที่เราจะต้องเรียบเรียงเหตุการณ์ที่เล่าแบบข้ามกระโดดไปมาระหว่างปี 2019, 1986, และ 1953 เรายังต้องมานั่งจำหน้าตัวละครตัวเดียวกัน แต่อยู่คนละช่วงเวลา ซึ่งใข้นักแสดงคนละคนกัน ตัวละครหนึ่งคนก็จะมี 2-3 ร่าง ในช่วงแรกที่ดูถ้าไม่มีคนเรียกชื่อนี่ก็จำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร
ไม่ค่อยชอบเพลงประกอบเท่าไหร่ เพราะมันสร้างอารมณ์ตื่นเต้นในช่วงที่มันไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นใดๆ การเดินเรื่อง side story ค่อนข้างอืดไปนิด และไม่ค่อยมีผลกับเรื่องหลักเท่าไหร่
สิ่งที่ไม่เข้าใจ
- Michael ฆ่าตัวตายทำไม ทำไมถึงต้องรอนานขนาดนี้
- ผี Michael โผล่มาทำไม… วิญญาณหลอนข้ามเวลาได้หรอ
- Mikkel เข้าถ้ำไปตอนไหน
- Helge โดนหินทุบหัวขนาดนั้นแล้วไม่ตาย?!?!?
- ใครสร้างประตูข้ามเวลา
- Noah เป็นใครกันแน่ มีความเกี่ยวข้องกับ 4 ครอบครัวนี้หรือเปล่า
- การทดลองของ Noah มีจุดประสงค์อะไร
- Aleksander มาจากไหน
- Claudia ไปเอาแปลนมาจากไหน
หวังว่าจะได้ความกระจ่างมากขึ้นในซีซัน 2