เรื่องราวที่เริ่มต้นที่เมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งในไอร์แลนต์ ที่ใช้คำโฆษณาว่า Bram Stoker นักเขียนชาวไอริชเจ้าของนิยาย Dracula ที่สร้างชื่อให้เขาโด่งดังไปทั่วโลก เคยเดินทางมาเที่ยวและยังเป็นแรงบันดาลใจของงานเขียนชิ้นนั้นอีกด้วย เพราะที่เมืองนี้มีหลุมฝังศพที่ว่ากันว่าเป็นของ Abhartach ผู้ครอบครองดินแดนแถบนี้ตามตำนานไอริช เขาสังหารผู้คนจำนวนมากและดื่มเลือดของพวกเขาแทนน้ำ และเขายังสามารถคืนชีพได้ไม่ว่าจะถูกฆ่าไปกี่ครั้งก็ตาม จนกระทั่ง Cahan ​(Catháin) ใช้อาวุธเสียบเข้าที่หัวใจของ Abhartach แล้วฝังเขาไว้ในหลุมใต้กองหิน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชาวบ้านก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้หรือพยายามเคลื่อนย้ายกองหินกองนี้ ซึ่งกลายเป็นเรื่องเล่าขานกันสืบต่อกันมา

มีโครงการทำถนนเส้นใหม่ที่ต้องตัดผ่านหลุมฝังศพของ Abhartach ซึ่งบริษัท Moffat Constructs ของ Francie (Nigel O’Neill) พ่อของ Eugene (Jack Rowan) รับงานมา Eugene คิดว่าพวกชาวเมืองต้องไม่พอใจที่หลุมศพของ Abhartach จะถูกทำลาย นอกจากนี้โครงการถนนยังตัดผ่านบ้านของ William Bogue (Fra Fee) เพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กของเขา George (John Lynch) และ Pauline (Andrea Irvine) พ่อแม่ของ William ก็รู้จักครอบครัว Eugene เป็นอย่างดี

คืนหนึ่งขณะที่ William และ Eugene กำลังเดินผ่านหลุมฝังศพของ Abhartach หลังจากพวกเขาดื่มกันที่บาร์ William ต่อย Eugene ทำให้ Eugune ถีบเขาจนเซไปโดนหินบนหลุมศพบาด พริบตานั้นเอง William ก็ถูกวัวกระทิงที่หลุดออกมากระแทกเข้ากับกองหินจนเสียชีวิตไปต่อหน้าต่อตา Eugene เห็นรอยเลือดซึมลงไปใต้ผืนดินราวกับว่ามันถูกดูดลงไป ชาวเมืองต่างคิดว่า Eugene เป็นสาเหตุทำให้ William ต้องตาย

โครงการทำถนนยังคงเดินหน้าต่อไป กองหินหลุมฝังศพของ Abhartach ถูกทำลายในที่สุด โดยที่พวกเขายังไม่รู้ว่า พวกเขาได้ปลดปล่อยปิศาจชั่วร้ายที่ถูกสะกดอยู่ใต้ผืนดินให้ออกมาทำร้ายผู้คนอีกครั้ง

ชอบการเขียนบทที่หยิบเอาตำนานผีดูดเลือดมาตีความใหม่ให้มีความแตกต่างจากภาพยนตร์เกี่ยวกับแวมไพร์เรื่องอื่น โดยเฉพาะพลังของ Abhartach ตัวร้ายที่มีความพิเศษในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน กับการเดินเรื่องที่จงใจเก็บซ่อนร่างจริงของตัวร้ายเอาไว้ ปล่อยให้ผู้ชมได้สัมผัสเพียงแค่ภาพของอิทธิฤทธิ์อันน่าสะพรึงกลัวของมันเท่านั้น นับเป็นภาพยนตร์ที่มีความทริลเลอร์ มีความสยองขวัญ และยังแทรกความตลกไว้ได้อย่างร้ายกาจ

BOYS FROM COUNTY HELL ฉายครั้งแรกในงาน Nightstream วันที่ 10 เมษายน 2020 — Shudder ได้ลิขสิทธิ์การจัดจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา ได้ปล่อยสตรีมมิงบนแพลตฟอร์มของตัวเองในวันที่ 22 เมษายน 2020 ภาพยนตร์เรื่องนี้มีกำหนดฉายในสหราชอาณาจักรวันที่ 6 สิงหาคม 2021 และมีกำหนดวางจำหน่ายในรูปแบบ Blu-ray วันที่ 12 กันยายน 2021

ตั้งแต่ปี 1958 ได้มีการกล่าวอ้างถึงนิยาย Dracula (ตีพิมพ์ในปี 1897) ของ Bram Stoker นักเขียนชาวไอริชว่าได้แรงบันดาลใจมาจาก Vlad III เจ้าชายแห่ง Walachia ในโรมาเนีย หรือที่รู้จักกันในชื่อ Vlad Țepeș (Vlad the Impaler) ซึ่งมาจากวิธีที่เขาชอบใช้ในการลงโทษด้วยการเสียบคนไว้บนไม้ ทฎษฎีนี้กลายเป็นที่กล่าวถึงอย่างกว้างขวางเมื่อหนังสือ In Search of Dracula​ “The History of Dracula and Vampires” ของ Radu Florescu และ Raymond McNally ตีพิมพ์ในปี 1972 อ้างว่า Vlad III และ Count Dracula คือบุคคลเดียวกัน

แต่ในปี 1998 ศาสตราจารย์ Elizabeth Russell Miller จากมหาวิทยาลัย Memorial ของ Newfoundland ประเทศแคนาดา ผู้เชี่ยวชาญด้านวรรณกรรมได้ตีพิมพ์บท Dracula: The Shade and the Shadow มีใจความว่า Bram Stoker ไม่น่าจะมีความรู้ในรายละเอียดประวัติชีวิตของ Vlad III โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับความโหดร้ายและการลงโทษผู้คนด้วยการเสียบไม้

Bob Curran อาจารย์มหาวิทยาลัย Ulster ในไอร์แลนด์เหนือ เสนอทฤษฎีในบทความ peer-review ของประวัติศาสตร์ไอร์แลนด์ฉบับปี 2000 ว่า Bram อาจจะได้แรงบันดาลใจของ Dracula มาจากตำนานของ Abhartach ซึ่งเป็นคนแคระผู้ปกครองในตำนานของไอร์แลนด์ ที่มีพลังเวทมนตร์และทำร้ายผู้คนด้วยอย่างโหดร้าย ท้ายที่สุดเขาก็ถูกสังหารโดยผู้นำของเมืองข้างเคียง แต่วันถัดมาเขาก็ฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้งพร้อมกับความโหดเหี้ยมที่มากกว่าเดิม เขาถูกสังหารเป็นครั้งที่สอง แต่วันถัดมาเขาก็กลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง หลังจากที่เขาถูกสังหารเป็นครั้งที่สาม ร่างของเขาถูกฝังให้ศีรษะทิ่มลงในหลุมเพื่อสะกดพลังเวทมนตร์ตามคำแนะนำของนักบวชชาวเคลต์ ทำให้เขาไม่สามารถฟื้นกลับมาได้อีก

หลุมฝังศพของ Abhartach ปัจจุบันถูกเรียกว่า Slaghtaverty Dolmen หรือ The Giant’s Grave มีลักษณะเป็นก้อนหินขนาดใหญ่ 1 ก้อนและหินก้อนเล็กอีก 2 ก้อน อยู่ใต้ต้นฮอว์ธอร์น (Hawthorn) ใกล้เมือง Slaghtaverty ในไอร์แลนด์เหนือ

ในเวอร์ชันเรื่องเล่าสมัยใหม่ Abhartach จะฟื้นกลับขึ้นมาเพื่อดื่มเลือดของเหยื่อ และตัวเอกของเรื่อง Catháin จะได้คำแนะนำจากนักบวชคริสเตียน ว่ากันว่า Abhartach เป็นหนึ่งใน neamh-mairbh หรือสิ่งที่ไม่มีวันตาย มีเพียงดาบที่ทำจากไม้ Yew ที่จะสามารถหยุดการเคลื่อนไหวของมันได้ ต้องทำการฝังโดยให้ศีรษะทิ่มลง นำหินมาวางทับบนหลุม และใช้กิ่งไม้ที่มีหนามล้อมเอาไว้ เพื่อสะกดไม่ให้ Abhartach คืนชีพกลับมา