BLACK PANTHER
WAKANDA FOREVER
Ryan Coogler
(2022)
ภาคต่อของ BLACK PANTHER ที่ได้ผู้กำกับและทีมเขียนบทเดิมกลับมาสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ตัวภาพยนตร์เปิดฉากมาด้วย Shuri (Letitia Wright) พยายามสร้างสมุนไพรวิเศษรูปหัวใจที่ถูก Killmonger เผาทำลายไปหมดแล้วในภาคที่แล้วขึ้นมาใหม่ เพื่อรักษาอาการป่วยของ T’Challa กษัตริย์แห่งวาคานดา แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้ประเทศวาคานดาต้องสูญเสียพระราชาไปอีกคน พร้อมกับ Black Panther ผู้พิทักษ์ของวาคานดา
ผู้นำของประเทศมหาอำนาจพยายามกดดัน Ramonda (Angela Bassett) ราชินีแห่งวาคานดาเรื่องการครอบครองไวเบรเนียมไว้เพียงชาติเดียวโดยไม่แบ่งปันกับใคร ประเทศฝรั่งเศสพยายามส่งทีมบุกเข้าห้องทดลองของวาคานดาเพื่อแย่งชิงไวเบรเนียม ขณะที่ประเทศวาคานดากำลังอ่อนไหวเนื่องจากไม่มี Black Panther แล้ว
สหรัฐอเมริกาจึงต้องส่งทีมค้นออกหาไวเบรเนียม และค้นพบแหล่งแร่ไวเบรเนียมฝังอยู่ใต้พื้นของมหาสมุทร แต่ทุกคนในทีมกลับถูกสังหารโดยกลุ่มคนผิวสีน้ำเงินที่โผล่มาจากใต้น้ำ ทางสหรัฐอเมริกาเชื่อว่าเป็นฝีมือของประเทศวาคานดาที่ต้องการครอบครองไวเบรเนียมทั้งหมด
Namor (Tenoch Huerta Mejía) ผู้นำของ Talokan เมืองลับใต้น้ำ ซึ่งมีเทคโนโลยีชั้นสูงจากไวเบรเนียมเช่นเดียวกับวาคานดา แอบลักลอบเข้ามาพบกับ Ramonda และสั่งให้เธอจับตัวของนักวิทยาศาสตร์ผู้ประดิษฐ์เครื่องมือตรวจจับแร่ไวเบรเนียมมาให้เขา เนื่องจากเขาเชื่อว่าการที่โลกภายนอกรู้เรื่องไวเบรเนียมเป็นความผิดของ Black Panther และวาคานดา
วาคานดาจึงตกอยู่ในภาวะที่ต้องเลือกว่าจะยอมทำตามที่ Namor ต้องการเพื่อความสงบสุข หรือปกป้องชีวิตของนักวิทยาศาสตร์ นั่นก็อาจหมายถึงจุดเริ่มต้นของสงครามกับ Talokan เผ่าพันธุ์ใต้น้ำ
WAKANDA FOREVER เป็นภาคต่อที่ยาวมาก ด้วยความยาวเกือบ 3 ชั่วโมง แต่ 1 ใน 3 ของเรื่องเป็นการรำลึกถึง T’Challa ที่รับบทโดย Chadwick Boseman ซึ่งเสียชีวิตไปในปี 2020 ระหว่างที่ Ryan Coogler กำลังร่างบท Black Panther ภาคใหม่ ส่วนที่ชอบก็คือการเขียนบทให้ T’Challa ตายด้วยโรคร้าย เช่นเดียวนักแสดงที่รับบท
ภาพยนตร์โดยรวมทั้งหมดก็ยังให้ความรู้สึกด้อยกว่าภาคที่แล้ว โครงเรื่องสร้างความงุนงงว่า ทำไมสองชาติที่มีเทคโนโลยีอยู่ในระดับสูงสุดของโลก ต้องมาต่อสู้กันเอง โดยมีชนผิวขาวที่รับบทคนชั่วลอยตัวสบายแบบไม่ต้องทำอะไรให้เหนื่อยแรง หรือนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะคนเดียวในโลกที่สามารถสร้างอุปกรณ์ตรวจจับไวเบรเนียมได้ ก็กลายเป็นแค่ตัวประกอบง่อยๆ เพราะจุดหมายที่แท้จริงของ Namor คือการบุกถล่มชาติมหาอำนาจทั้งหมดตั้งแต่แรกแล้ว
มันเป็นภาคที่ตัวละครหลักทุกคนมีแต่ความโกรธเกรี้ยวเคียดแค้น การที่ Namor เป็นคนเล่าเรื่องอดีตของตัวเองให้ฟังอย่างละเอียด ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันคือฉากที่ใส่เข้ามาเพื่อให้ภาพยนตร์ยาวขึ้นโดยไม่จำเป็น แม้กระทั่ง Killmonger ก็ยังสามารถโผล่หน้ากลับมาช่วยเสริมความเกลียดได้อีก
Shuri ที่ควรจะขึ้นแท่นเป็น Black Panther คนใหม่ของ Marvel กลายเป็นตัวละครที่อ่อนด้อยที่สุดในเรื่อง ทั้งบทและการตัดสินใจที่แปลกประหลาดเกินความเข้าใจ เมื่อเทียบกับตัวละครอื่น อาทิ M’Baku (Winston Duke), Nakia (Lupita Nyong’o) และ Okoye (Danai Gurira) แต่การแสดงของพวกเขาก็ไม่สามารถช่วยภาพยนตร์เรื่องนี้เอาไว้ได้ นี่ยังไม่พูดถึงฉาก mid-credits ที่ดูแล้วรู้สึกว่าจงใจใส่มาเพื่อบีบคั้นอารมณ์ของผู้ชมเท่านั้น
BLACK PANTHER: WAKANDA FOREVER เปิดฉายรอบปฐมทัศน์ในฮอลลีวูด วันที่ 26 ตุลาคม 2022 และเปิดฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วโลกตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน รวมถึงประเทศไทย ก่อนจะเข้าฉายในสหรัฐอเมริกา วันที่ 11 พฤศจิกายน