ผลงานของผู้กำกับ WHIPLASH และ LA LA LAND ซึ่งสร้างชื่อให้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้กำกับที่น่าจับตามองที่สุด กับเรื่องราวเบื้องหลังของวงการที่ดำมืด ในยุคเปลี่ยนผ่านจากภาพยนตร์เงียบ ปี 1926 จนกลายมาเป็นภาพยนตร์ในรูปแบบที่เรารู้จักกันทุกวันนี้
BABYLON
Damien Chazelle
(2022)
ผลงานของ Damien Chazelle ผู้กำกับ WHIPLASH และ LA LA LAND ที่สร้างชื่อให้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้กำกับที่น่าจับตามองที่สุดในฮอลลีวูด (ส่วนเรื่อง FIRST MAN นี่ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ แต่เจ๊งในด้านของรายได้ เพราะทำเงินไปเพียง 105 ล้านเหรียญสหรัฐ จากทุนสร้าง 60 ล้าน) ซึ่งหลังจากเรื่องนี้ ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีสตูดิโอที่ยอมทุ่มทุน ให้เขาสร้างภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานระดับนี้อีกหรือเปล่า
ตัวภาพยนตร์เล่าเรื่องในปี 1926 จากมุมมองของตัวละครหลัก 3 คน คนแรกคือ Manuel “Manny” Torres (Diego Calva) ผู้ช่วยจัดการทุกสิ่งตามที่ Don Wallach (Jeff Garlin) โปรดิวเซอร์ยักษ์ใหญ่ของวงการ นายจ้างของเขาต้องการ ซึ่งงานปาร์ตี้คืนนี้ เขาต้องนำช้างไปส่งที่คฤหาสน์บนเนินเขาให้สำเร็จ เขาฝันว่าสักวันจะได้เข้าไปทำงานในกองถ่าย ได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่จะคงอยู่ในประวัติศาสตร์ และความทรงจำของผู้ชมไปตลอดกาล
คนที่สองคือ Nellie LaRoy (Margot Robbie) สาวสวยที่อยากเป็นนักแสดง เธอทำทุกอย่างเพื่อที่จะพาตัวเองเข้าวงการบันเทิงโดยไม่เกี่ยงวิธีการ เธอบุกเข้ามาในงานปาร์ตี้โดยไม่ได้รับเชิญ ทำให้ Manny สะดุดตาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น และช่วยพาเธอเข้าไปในงาน ซึ่งกลายเป็นเหมือนโชคชะตานำพาให้เธอถูกคัดเลือกเป็นนักแสดงในภาพยนตร์ Maid’s Off หลังจากนักแสดงหญิงตัวจริงอาการโคม่าเนื่องจากเสพยาเกินขนาด
และคนสุดท้าย Jack Conrad (Brad Pitt) หนึ่งในนักแสดงทรงพลัง ผู้มีค่าตัวสูงสุดของวงการ เขารับ Manny มาเป็นผู้ช่วยของเขา หลังจากที่ Manny ได้รับคำสั่งให้ขับรถพาตัว Jack ที่เมามายจนไม่ได้สติไปส่งที่บ้าน ทำให้ Jack รู้สึกถูกชะตา และยังพาเขาไปที่เซ็ตถ่ายทำภาพยนตร์ ซึ่งเป็นเหมือนความฝันของ Manny
การเล่าเรื่องต้นกำเนิดของฮอลลีวูด และเบื้องหลังที่ดำมืด ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพราะมีคนพยายามทำมาแล้วเยอะแยะ ส่วนที่ชอบก็คงเป็นการเปลี่ยนผ่านของการถ่ายทำภาพยนตร์ช่วงระหว่างปี 1926 – 1952 จากภาพยนตร์เงียบที่ไร้เสียงพูด ที่ต้องมีคนเขียนบทเป็นข้อความลงบนแผ่นฟิล์มเพื่ออธิบายให้ผู้ชมรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น การถ่ายทำในสถานที่จริง ใช้แสงธรรรมชาติจริงที่ต้องแข่งกับเวลา
ผ่านมาจนถึงความยากลำบากของการใช้ไมโครโฟนเพื่อบันทึกเสียงนักแสดงในยุคแรก ที่แม้แต่เสียงแทรกเพียงเล็กน้อยก็หมายถึงการต้องรีเซ็ตฉากเพื่อถ่ายทำใหม่ตั้งแต่ต้นอีกรอบ ในสตูดิโอที่ร้อนอบอ้าว เนื่องจากไม่สามารถใช้แอร์ปรับอากาศ เพราะมีเสียงดังเกิน จนทำให้ทีมงานต้องสติแตก หรือถึงกับเสียชีวิตไปเลย
ปัญหาของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือมันยาวเกินไป (ทำไมผู้กำกับคนนี้ถึงทำภาพยนตร์ที่มีความยาวมากขึ้นไปเรื่อยๆ) และมีตัวละครสบทบมากเกินไป ผู้ชมจึงอาจไม่รู้สึกผูกพันกับตัวละครหลัก ก็เลยไม่ค่อยสนใจว่าตัวละครเหล่านั้นจะเป็นยังไงต่อไป โดยเฉพาะตัวละคร Nellie LaRoy ที่เราเห็นเพียงแค่เบื้องหน้า ตอนที่เธอทำงานหรือปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน แต่เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเบื้องหลังของเธอ มีเพียงคำบอกเล่าของตัวละครอื่น ว่าเธอประสบปัญหาอะไรบ้าง เราจึงไม่เข้าใจการตัดสินใจหลายอย่างที่ไม่ค่อยเมคเซนส์ และไม่รู้สึกอะไรเมื่อเธอหายไปจากจอ (ก็เธอทำตัวของเธอเอง)
ตัวละครที่น่าสนใจอย่าง Lady Fay Zhu (Li Jun Li) หญิงเชื้อสายเอเชียนที่เปิดตัวมาอย่างเท่ และมีฉากเท่ๆ อีกหลายฉาก กลับไม่ได้ไปต่อ กลายเป็นแค่ตัวละครที่ออกมาสร้างสีสัน แล้วก็หายไปเท่านั้น เช่นเดียวกับ Sidney Palmer (Jovan Adepo) นักดนตรีแจ๊สผิวสีที่ก้าวข้ามจากการเป็นนักดนตรีในวงประกอบ มาเป็นนักแสดง/ศิลปินที่มีชื่อเสียง แต่ก็ไม่ได้ลงลึกถึงชีวิตของเขา
BABYLON ฉายรอบพิเศษสำหรับนักวิจารณ์และสื่อมวลชนในสหรัฐอเมริกา วันที่ 14 พฤศจิกายน 2022 ก่อนจะเข้าฉายจริง วันที่ 23 ธันวาคม ส่วนในประเทศไทย “บาบิลอน” เข้าฉายวันที่ 19 มกราคม 2023