ภาพยนตร์ภาคต่อของ AVATAR ที่มีความยาวทะลุ 3 ชั่วโมง ผู้กำกับ James Cameron สำแดงอิทธิฤทธิ์เนรมิตโลกของ Pandora ออกมาอย่างสวยงามอลังการเหนือความคาดหมายยิ่งกว่าภาคแรกได้อย่างไม่น่าเชื่อ
AVATAR
THE WAY OF WATER
James Cameron
(2022)
ภาคต่อของ AVATAR เวลาผ่านไปกว่าสิบปีหลังจากภาคแรก Jake (Sam Worthington) สร้างครอบครัวกับ Neytiri (Zoe Saldana) และรับ Kiri ซึ่งเกิดจากร่างอวตารของ Dr. Grace Augustine (Sigourney Weaver) เป็นลูกสาวบุญธรรม หลังจากนั้น Neytiri ก็ให้กำเนิดลูกชาย Neteyam (Jamie Flatters) และ Lo’ak (Britain Dalton) รวมถึง Tuk (Trinity Jo-Li Bliss) ลูกสาวคนสุดท้อง กลายเป็นครอบครัวที่มีสมาชิก 5 คน
มนุษย์บนดาว Pandora ถูกส่งตัวกลับโลกไปเกือบทั้งหมด เหลือเพียงกลุ่มนักวิทยาศาสตร์อย่าง Norm (Joel David Moore) และ Max Patel (Dileep Rao) ที่ยังคงอาศัยอยู่บนดาวเพื่อศึกษาต่อ นอกจากนั้นก็ยังมีเด็กมนุษย์อีกคนซึ่งครอบครัวของ Jake รับไว้เป็นบุตรบุญธรรม เนื่องจากเด็กทารกไม่สามารถเดินทางข้ามดวงดาวด้วย Cryosleep ได้ Miles “Spider” Socorro (Jack Champion) จึงเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูของนักวิทยาศาสตร์และสนิทกับลูกๆ ชาว Na’vi ของ Jake
แต่ความสงบสุขของชาว Na’vi ก็ต้องจบลง เมื่อมนุษย์ส่งยานอวกาศกลับมาที่ดาว Pandora อีกครั้ง เป้าหมายของพวกเขาในครั้งนี้ก็คือการปรับสภาพดาวเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษยในอนาคต ทีมทหารรักษาความปลอดภัยนำโดยอวตารที่มีความทรงจำของ Miles Quaritch (Stephen Lang) ซึ่งมีความแค้นกับ Jake เชื่อว่าถ้าเขาสามารถกำจัด Jake ผู้นำของเผ่าที่คอยดักซุ่มโจมตีแบบกองโจรขัดขวางการทำงาน ก็จะช่วยให้เพวกเขาดำเนินแผนการได้ตามกำหนดการที่วางไว้
Jake ไม่ต้องการเป็นต้นเหตุที่จะทำให้คนในเผ่าต้องมาล้มตาย เขาจึงตัดสินใจพาครอบครัวหนีข้ามทะเลไปซ่อนตัวอยู่กับเผ่า Metkayina บนเกาะแห่งหนึ่ง ซึ่งมีผู้นำคือ Tonowari (Cliff Curtis) และ Ronal (Kate Winslet) แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหนีพ้นการตามล่าของ Miles ที่จะไม่มีวันหยุดจนกว่าเขาจะจัดการเป้าหมายได้
AVATAR: THE WAY OF WATER เป็นภาพยนตร์ที่มีความยาวทะลุ 3 ชั่วโมง ผู้กำกับ James Cameron สำแดงอิทธิฤทธิ์เนรมิตโลกของ Pandora ออกมาอย่างสวยงามอลังการเหนือความคาดหมายยิ่งกว่าภาคแรกได้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าจะมีหลายฉากที่ดูคล้ายกับตั้งใจจะโชว์พลัง CGI มากกว่าจะเป็นส่วนที่ช่วยดันให้เนื้อเรื่องเดินไปข้างหน้าก็ตาม มีฉากต่อสู้อันน่าประทับใจ แต่ฉากไล่ล่าสัตว์ให้อารมณ์คล้าย JARASSIC PARK ไปนิด
การเลือกใช้ธีมครอบครัวซึ่งมีความเป็นสากลและไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ทำให้ผู้ชมรู้สึกร่วมลุ้นไปด้วยความระทึก กับการที่พ่อแม่พยายามปกป้องลูกๆ จากภยันอันตรายทั้งหลายที่ถาโถมกันเข้ามาอย่างต่อเนื่อง — น่าเสียดายที่ตัวละครใหม่อย่าง Tonowari และ Ronal กลับไม่ได้ช่วยสร้างสีสันหรือความแปลกใหม่สักเท่าไหร่ พวกเขาเป็นเหมือนร่างแยกของ Jake และ Neytiri มากกว่า คือ มีแค่รูปร่างหน้าตาที่ต่างกัน แต่นิสัยและบุคลิกก็คล้ายๆ กัน มันก็เลยดูเหมือนเป็นตัวละครที่ดูไม่ค่อยมีความจำเป็น
ส่วนที่รู้สึกน่าประหลาดใจก็คือ เสียงและบุคลิกของ Kiri ซึ่งให้เสียงโดย Sigourney Weaver เธอมีพลังพิเศษสามารถสื่อสารกับ Eywa จิตวิญญาณของ Pandora ได้ มันทำให้เกิดความรู้สึกแปลกๆ ตลอดเวลา ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงไม่เลือกนักแสดงคนอื่นมารับบทนี้ หรือเป็นเพราะมีความลับบางอย่างที่เชื่อมโยงกัน และอาจจะเปิดเผยในภาคต่อไปที่มีกำหนดฉายในปี 2024
ทั้งภาพและเสียง เรียกได้ว่างดงามทุกฉาก ยิ่งใหญ่สมกับที่เฝ้ารอ (และทุนสร้างกว่า 250 ล้านเหรียญยังไม่รวมค่าการตลาด) ควรค่าแก่การรับชมในโรงภายนตร์ที่จอใหญ่ที่สุดเท่าที่จะหาได้ ตัวภาพยนตร์ถ่ายทำด้วยกล้อง Sony CineAlta Venice 3D ดังนั้นการชมในระบบ 3D ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเหมือนกับภาคแรก — สามชั่วโมงกับการหลุดเข้าไปอยู่ในโลก Pandora ก็นับว่าคุ้มค่าตั๋วแล้ว!
AVATAR: THE WAY OF WATER ฉายรอบปฐมทัศน์ที่โรงภาพยนตร์ Odeon Luxe Leicester Square ในลอนดอน วันที่ 6 ธันวาคม 2022 และมีกำหนดเข้าฉายในสหรัฐอเมริกา วันที่ 16 ธันวาคม ส่วนในประเทศไทย “อวตาร: วิถีแห่งสายน้ำ” มีกำหนดเข้าฉายตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม
AVATAR: THE WAY OF WATER ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง 4 รางวัลจาก Academy Awards ครั้งที่ 95 จัดขึ้นที่ Dolby Theatre ในลอสแอนเจลิส วันที่ 12 มีนาคม 2023 ในสาขา Best Visual Effects, Best Production Design, Best Sound, Best Picture และสามารถคว้ามาได้ 1 รางวัลคือ Best Visual Effects