ภาคต่อของซีรีส์ภาพยนตร์ ANT-MAN กับการผจญภัยครั้งใหม่ เมื่อทั้งครอบครัวถูกดูดเข้าไปในมิติควอนตัม พวกเขาต้องหาทางเปิดประตูมิติอีกครั้ง แต่พวกเขาเจอปัญหาใหญ่ยิ่งกว่า
QUANTUMANIA
Peyton Reed
(2023)
ภาคต่อของ ANT-MAN ที่เป็นเรื่องราวหลังจาก ANT-MAN and the WASP ซึ่ง Scott (Paul Rudd), Hope (Evangeline Lilly) และ Hank (Michael Douglas) พาตัว Janet (Michelle Pfeiffer) กลับมาจากมิติควอนตัมได้สำเร็จ แต่ Janet ไม่เคยเล่าเรื่องของเธอในมิติควอนตัม ที่เธอติดอยู่นานถึง 30 ปี แม้ว่าทั้งลูกสาวและสามี จะขอร้องอย่างไรก็ตาม เธอก็ปฏิเสธที่จะพูดถึงมันทุกครั้ง
Cassie (Kathryn Newton) มีความสนใจในมิติควอนตัม เธออ่านสมุดบันทึกของ Dr. Hank ในช่วงเวลา 5 ปีที่ทุกคนหายไป และทำโปรเจกต์ลับร่วมกับ Dr. Hank จนสามารถสร้างอุปกรณ์ส่งสัญญาณข้ามมิติ เพื่อสร้างแผนที่ของมิติควอนตัม ที่เธอเชื่อว่ามีบางสิ่งที่เธอสามารถดึงมาใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้
พวกเขาไม่เคยเล่าเรื่องโปรเจกต์นี้ให้ Janet ฟัง เพราะคิดว่า Janet ไม่สนใจมิติควอนตัมแล้ว จนกระทั่งวันหนึ่ง พวกเขาโชว์อุปกรณ์นี้ให้ทุกคนในครอบครัวได้เห็น ทำให้ Janet ตกใจมาก เมื่อรู้ว่าอุปกรณ์นี้สามารถส่งและรับสัญญาณจากมิติควอนตัม เธอสั่งให้ปิดการทำงานของมันทันที แต่ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว ช่องว่างของมิติถูกเปิดออก และดูดทุกคนเข้าไปในมิติควอนตัม
ผลงานกำกับเรื่องที่สามของ Peyton Reed ที่ภาคนี้มีคนเขียนบทคนเดียวคือ Jeff Loveness และยังเป็นงานเขียนบทภาพยนตร์ยาวเรื่องแรกของเขาอีกด้วย
QUANTUMANIA เป็นภาคที่ด้อยที่สุดในทั้งสามภาค เนื่องจากมีตัวละครค่อนข้างเยอะ และเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องรวดเร็ว จนแทบไม่มีช่วงให้ผู้ชมได้ซึมซับบรรยากาศ ซึ่งไม่รู้ว่าผู้กำกับหมดมุขแล้วหรือเปล่า เพราะทำมาสามภาคแล้ว แต่เราโยนความผิดไปให้คนเขียนบทก่อน ถ้าเปลี่ยนผู้กำกับก็อาจทำให้อารณ์เปลี่ยนไปก็ได้
ภาคนี้มันดูคล้าย THOR: Ragnarok ไปหน่อย แต่มันด้อยกว่าทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นมุขตลก หรือความต่อเนื่องของอารมณ์ รวมถึงการเอา Bill Murray มารับบทลอร์ด Krylar ที่มีบุคลิกคล้ายกับบท Grandmaster ของ Jeff Goldblum ส่วนตัวร้ายนี่ค่อนข้างแย่ เทียบไม่ได้กับ Hela (Cate Blanchett) เลย แล้วยังจะเอาไปใช้ต่อใน AVENGERS ภาคหน้ากับ LOKI ซีซันสองอีก!
ถ้าไม่รู้จะดูอะไร หรือเป็นแฟนพันธุ์แท้ MARVEL ก็ไปดูในโรงภาพยนตร์ เพื่อฉากแอคชันระเบิดตูมตาม แสงสีเสียงเต็มรูปแบบ (คิดว่า 95% ของภาคนี้เป็น CGI) มันเป็นความบันเทิงที่พอดูได้เพลินๆ แต่ถ้าคาดหวังว่ามันจะดีกว่า หรือสนุกกว่าสองภาคแรก ก็อาจต้องเตรียมใจผิดหวังนิดหน่อย ส่วนฉาก mid-credits กับ after-credits ก็แทบไม่มีความหมายอะไร สำหรับคนที่ไม่ถูกใจตัวร้ายของภาคนี้
QUANTUMANIA ฉายรอบปฐมทัศน์ในลอสแอนเจลิส วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2023 และมีกำหนดเข้าฉายในสหรัฐอเมริกา วันที่ 17 กุมภาพันธ์ ส่วนในประเทศไทย “แอนท์-แมน และ เดอะ วอสพ์ ตะลุยมิติควอนตัม” เข้าฉายตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์