เรื่องราวเหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนชะตาชีวิตของแผนกบาสเกตบอลของ Nike ที่กำลังตกอยู่ในสภาวะลำบากในปี 1984 พวกเขามีส่วนแบ่งเพียง 17% ในตลาดรองเท้าบาสเกตบอลที่มีมูลค่ากว่า 900 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีท่าทีจะลดลงไปอีก จนบริษัทคิดจะปิดแผนกบาสเกตบอลหลังจากพ่ายแพ้ให้กับ Adidas ที่มีส่วนแบ่งตลาด 29% และ Converse ผู้นำในตลาด ด้วยส่วนแบ่งที่มากถึง 54%

Rob Strasser (Jason Bateman) รองประธานฝ่ายการตลาดของของแผนกบาสเกตบอล ต้องการให้ทีมร่วมระดมความคิดในทีม เพื่อเลือกนักกีฬา 3 คน มาเซ็นสัญญา ด้วยเงิน 250,000 เหรียญ (Nike มีรายได้เกือบ 800 ล้านเหรียญในปี 1983) ซึ่งนักกีฬาเก่งๆ ก็มีบริษัทอื่นชิงตัวไปหมดแล้ว หรือมีค่าตัวแพงเกินกว่าที่บริษัทจะยอมรับความเสี่ยง

Sonny Vaccaro (Matt Damon) พยายามขอร้อง Phil Knight (Ben Affleck) ผู้บริหารสูงสุดให้เพิ่มเงินสำหรับจ้างนักกีฬา ถ้าบริษัทต้องการนักกีฬาที่เก่งกาจ 3 คน มาช่วยโปรโมทสินค้า เพราะตอนนี้เงินที่พวกเขาได้แบ่งสันปันส่วนมา มันใช้จ้างได้แค่นักกีฬาผีมือธรรมดาที่ไม่มีบริษัทไหนต้องการ แต่ Phil ไม่สามารถโน้มน้าวคณะกรรมการได้ เนื่องจากแผนกบาสเกตบอลมีส่วนแบ่งตลาดน้อยมาก และยังไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ พวกเขาคิดจะปิดแผนกนี้ทิ้ง เพื่อเอาเงินไปใส่แผนกอื่นที่สามารถทำเงินได้มากกว่า (รองเท้าสำหรับวิ่งของ Nike ทำรายได้ให้บริษัท 268 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 1983 คิดเป็น 31% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่ง Nike เป็นผู้นำตลาด ด้วยส่วนแบ่ง 27%)

Sonny ได้ดูวิดีโอเทปบันทึกภาพการแข่งขันของ Michael Jordan มันทำให้เขาเชื่อมั่นว่า Michael จะก้าวขึ้นมาสร้างประวัติศาตร์หน้าใหม่ของวงการบาสเกตบอล เขาจึงพยายามโน้มน้าวทุกคนในทีม รวมถึงผู้บริหารสูงสุด ให้ยอมทุ่มเงินทั้งหมด 250,000 เหรียญ ลงทุนเป็นสปอนเซอร์ให้กับนักกีฬาหน้าใหม่เพียงคนเดียว (ภาพที่เห็นในวิดีโอเป็นภาพที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ โดยจำลองภาพการแข่งขันบาสเก็ตบอล NCAA Championship ปี 1982 ซึ่งทีม North Carolina Tar Heels เอาชนะทีม Georgetown ด้วยคะแนน 63-62)

แต่เขายังมีอุปสรรคที่ต้องฝ่าฟันอีก คือ Michael Jordan ไม่ชอบ Nike นอกจากนั้นบริษัทคู่แข่งอย่าง Adidas และ Converse ต่างก็ต้องการตัว Michael Jordan พวกเขามีเงินมากกว่า และพร้อมที่จะยอมทุ่มเงินสู้ เพื่อชิงตัวนักกีฬาที่พวกเขาต้องการ (รองเท้ายี่ห้อโปรดของ Michael Jordan คือ Adidas)

Sonny จึงต้องทำให้ Michael เชื่อมั่นว่าบริษัท Nike ต่างจากบริษัทอื่นที่ต้องการโปรโมทสินค้าของตัวเองโดยใช้นักกีฬาที่มีชื่อเสียง สิ่งที่ Nike จะทำคือการสร้างสรรค์รองเท้าใหม่ ที่แสดงตัวตนของ Michael Jordan (ซี่งเป็นนักกีฬาหน้าใหม่ อายุเพียง 21 ปี) และต้องการเป็นส่วนหนึ่งของความยิ่งใหญ่ในอนาคตของ Michael Jordan ที่จะถูกจารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์

มันเป็นภาพยนตร์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริง ซึ่งเล่าเรื่องได้สนุกมาก มันไม่ใช่ภาพยนตร์เกี่ยวกับกีฬาบาสเกตบอล และไม่ได้เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับรองเท้า มันคือตำนานการตลาดของรองเท้าบาสเกตบอล จากแผนกที่กำลังจะถูกยุบ แต่พลิกผันกลายมาเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ 162 ล้านเหรียญ ภายในปีแรกที่รองเท้ารุ่น AIR JORDAN วางจำหน่าย และทำให้ Nike พุ่งทะยานขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในตลาดรองเท้าบาสเกตบอลในปี 1984 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 40% แซงหน้า Adidas และ Converse ที่มีส่วนแบ่ง 25% และ 15% ตามลำดับ

รองเท้า Air Jordan ใช้การออกแบบที่ผิดกฏของ NBA (National Basketball Association) ซึ่งกำหนดให้นักกีฬาต้องสวมรองเท้าที่มีพื้นที่อย่างน้อย 51% เป็นสีขาวหรือดำ เพื่อภาพรวมที่ดีของเกมการแข่งขัน และป้องกันไม่ให้นักกีฬาเสียสมาธิ โดยมีโทษปรับเงิน 5,000 เหรียญสหรัฐต่อเกม สำหรับนักกีฬาที่ทำผิดกฏ

NBA players get green light to wear sneaker color of choice throughout 2018-19
For the first time in league history, the NBA will allow players to wear sneakers of any color at any point during the upcoming season.

Nike ตัดสินใจยอมจ่ายค่าปรับแทน เพื่อเป้าหมายด้านการตลาด — กฏข้อนี้คงอยู่มาจนถึงปี 2018 เมื่อ NBA ประกาศอนุญาตให้นักกีฬาสวมรองเท้าสีอะไรก็ได้

นักแสดงสบทบทุกคนเล่นได้สมบทบาทดีมาก โดยเฉพาะ Chris Messina ใน David Falk เอเยนต์ปากร้าย, Marlon Wayans ในบท George Raveling ผู้ช่วยโค้ชทีมบาสเกตบอลโอลิมปิก, Matthew Maher ในบท Peter Moore นักออกแบบรองเท้า ผู้ออกแบบ Air Jordan

และการแสดงอันยอดเยี่ยมของ Viola Davis ในบท Deloris แม่ของ Michael Jordan ที่เชื่อมั่นในศักยภาพของลูกชายอย่างเหลือล้น เธอสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการสปอนเซอร์นักกีฬา ด้วยการขอส่วนแบ่งจากการขายรองเท้าที่มีชื่อ Michael Jordan ซึ่งไม่เคยมีใครเคยทำได้มาก่อน

Nike เข้าซื้อบริษัท Converse ในปี 2003 ด้วยเงิน 315 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจาก Converse ประกาศล้มละลายในปี 2001 — ปัจจุบัน Nike มีรายได้รวม 46,710 ล้านเหรียญสหรัฐ มีส่วนแบ่งตลาด 35.6% เป็นบริษัทผลิตรองเท้ากีฬาที่มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดในโลก ตามมาด้วย Adidas อันดับสองที่มีส่วนแบ่ง 15.7% และ New Balance ที่ 10.5% โดยรองเท้ารุ่น AIR JORDAN ทำรายได้ให้กับบริษัทนับถึงปี 2022 มากกว่า 5,000 ล้านเหรียญ (คิดเป็น 11.5% ของรายได้ทั้งหมด)

AIR ถูกกำหนดให้เป็นภาพยนตร์สำหรับปล่อยสตรีมมิงบน Amazon Prime Video เท่านั้น แต่ภายหลัง สตูดิโอเปลี่ยนใจนำภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายในโรงภาพยนตร์ โดยเปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์ SXSW วันที่ 18 มีนาคม 2023 ก่อนจะเข้าฉายในสหรัฐอเมริกา วันที่ 5 เมษายน พร้อมกับเข้าฉายในประเทศไทยด้วยชื่อ “แผนล่าลายเซ็นยอดตำนาน”

AIR ปล่อยสตรีมมิงทาง Amazon Prime Video สำหรับสมาชิก ตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม