I AM THE NIGHT
2019 | Sam Sheridan
มินิซีรีย์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือ One Day She’ll Darken: The Mysterious Beginnings of Fauna Hodel ประวัติชีวิตและอาชญกรรมเขียนโดย Fauna Hodel และ J.R. Briamonte ตีพิมพ์ครั้งแรกปี 2008 เป็นเรื่องราวของความเกี่ยวข้องกับตัว Fauna Hodel และ George Hodel ซึ่งเป็นคุณตาของเธอและเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมปริศนา Black Dahlia
คดี Black Dahlia เป็นคดีปริศนาที่โด่งดังมาก (ใน Spider-Man: Far From Home ยังพูดถึง) เกิดขึ้นในปี 1947 มีการพบศพผู้หญิงชาวอเมริกันใน Leimert Park (Los Angeles, California) ในสภาพถูกหั่นเป็นชิ้น — ชื่อจริงของหญิงสาวคือ Elizabeth Short อายุ 22 ปี — คดีนี้มีการสอบสวนผู้ต้องสงสัยมากถึง 150 คน มีการตั้งเงินรางวัล 10,000 เหรียญ สำหรับผู้ที่ให้เบาะแสถึงตัวคนร้าย แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถจับตัวฆาตกรได้
ตัวเรื่องเริ่มต้นขึ้นในปี 1965 เมื่อ Pat (India Eisley) เด็กสาวลูกครึ่ง อาศัยอยู่กับ Jimmy Lee (Golden Brooks) แม่ผิวสี โดยที่ไม่เคยรู้ว่าพ่อของเธอคือใคร — ที่โรงเรียนของเธอก็ไม่เคยมีใครเคยเห็นลูกครึ่งที่ผิวขาวและมีตาสีเขียวแบบนี้มาก่อน
คืนหนึ่งหลังจากที่เธอทะเลาะเรื่องผู้ชายกับแม่ซึ่งดื่มเหล้าจนเมา เธอก็แอบเข้าไปค้นกล่องที่แม่ของเธอเก็บไว้ในห้องนอนขณะที่แม่ของเธอกำลังหลับอยู่ และเธอก็ได้พบสูติบัตรที่มีชื่อ Fauna Hodel และตรงชื่อมารดาเป็นชื่อของ Tamar Hodel เป็นคนผิวขาว ส่วนตรงชื่อบิดา ไม่เปิดเผย นอกจากมีการระบุว่าเป็นคนผิวดำ (Negro) เท่านั้น — เมื่อเธอเอาเรื่องที่ไปถามแม่ของเธอ เธอก็ได้รู้ว่าความจริงว่า ตัวเธอชื่อจริงคือ Fauna และแม่แท้ๆ ของเธอคือ Tamar ซึ่งเป็นลูกสาวของ George Hodel นายแพทย์ที่มีชื่อเสียงใน Hollywood
Fauna ไปค้นหาเบอร์โทรของ George Hodel มาจนได้ และหลังจากได้พูดคุยกับปู่ของเธอทางโทรศัพท์ ปู่ก็เชิญให้เธอมาเจอเขาที่ Los Angeles — แต่เมื่อเธอเดินทางมาถึงกลับไม่สามารถติดต่อกับปู่ของเธอได้ เธอจึงไปพักที่บ้านของญาติ และเดินทางไปที่ Sowden House บ้านของปู่ของเธอ แต่ก็ไม่พบใครเลย
(ในประวัติจริง George Hodel ซื้อ John Sowden House ในปี 1945 และอาศัยอยู่ที่นี่จนถึงปี 1950 — ตัวโครงสร้างของบ้านสร้างขึ้นในปี 1926 โดย Lloyd Wright ลูกชายของ Frank Lloyd Wright ซึ่งต่อมาบ้านได้ขึ้นทะเบียนเป็น historic landmark ของ Los Angeles)
อีกด้านหนึ่ง Jay Singletary (Chris Pine) อดีตนักข่าวฝีมือดี ที่เคยเขียนข่าวของ George Hodel กับคลีนิคทำแท้งเถื่อนใน Hollywood แต่ถูกฟ้องกลับจนชีวิตพังทลาย — เขาพยายามหาจุดเชื่อมโยงของคดีระหว่าง George Hodel และ Tamar Hodel ลูกสาวที่กล่าวหาว่า George เป็นคนร้ายในคดี Black Dahlia — Tamar ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ในขณะนั้นก็ถูกส่งตัวไปซ่อน และไม่มีใครพบตัวของ Tamar และลูกของเธออีกเลย
เมื่อ Fauna ไม่สามารถติดต่อปู่ของเธอเพื่อสอบถามเรื่องพ่อแม่ที่แท้จริงของเธอได้ เธอจึงไปพบกับ Corinna Hodel (Connie Nielsen) อดีตภรรยาของปู่เธอ — Corinna บอกเธอว่า Tamar ตายไปแล้ว แต่ Fauna รู้สึกว่า Corinna พยายามปกปิดบางอย่างและเลี่ยงไม่ตอบคำถามที่เธอต้องการรู้ — ในวันต่อมาเธอจึงแอบลอบเข้าไปในบ้านของ Corinna และพบหลักฐานว่า Tamar ยังมีชีวิตอยู่
Fauna ต้องเดินทางไปหาตัว Tamar เพื่อค้นหาความจริงที่แม่ของเธอปกปิดไว้ ส่วน Jay ก็ต้องการพบ Tamar เพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยงคดีฆาตกรรมกับ George Hodel แต่แม้จะว่าท้ายที่สุดเมื่อความจริงปรากฏออกมา พวกเขาก็ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะมัดตัวคนร้ายไว้ได้
ชอบ art direction และเพลงประกอบในเรื่องมาก แคสติ้งก็ดี (ตอนจบของแต่ละตอนจะมีภาพของตัวจริงให้ดูด้วย) — เข้าใจว่าต้องใส่ความดราม่าเข้ามาให้มันดูตื่นเต้นขึ้น แต่กลับรู้สึกว่าความยาว 6 ตอนมันยืดเกินไป ถ้าตัดให้เหลือ 4 ตอนได้จะดีกว่านี้มาก
ประวัติ George Hodel ตัวจริงก็ไม่ธรรมดา เขาเกิดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 1907 ใน Los Angeles, California เป็นลูกชายชอง George Hodel Sr. และ Esther Hodel สืบเชื้อสายมาจากตระกูลรัสเซีย มีไอคิวสูงถึง 186 และยังเป็นอัจฉริยะทางดนตรีด้านเปียโน เคยแสดงการเล่นเดี่ยวเปียโนที่ Shrine Auditorium (Los Angeles) — ว่ากันว่าแม้แต่ Sergei Rachmaninoff ยังเดินทางไปฟังเขาเล่นที่บ้าน (แต่อันนี้ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน)
ไปอ่านประวัติใน wiki สนุกว่าในมินิซีรีย์อีก เพราะมันมีรายละเอียดของคดี และยังมีช่วงเวลาหลังจากในเรื่องไปอีก — หลังจากที่ George Hodel ตายไปแล้ว มี Steve Hodel ลูกชายของ George ซึ่งเป็นอดีตตำรวจฆาตกรรมของ LAPD ออกมาขุดคดีแล้วเจอหลักฐานที่ทำให้เขาเชื่อว่าพ่อของเขาตือคนที่ฆ่า Elizabeth Short และยังพบคดีฆาตกรรมอื่นที่อาจจะเกี่ยวข้องกับพ่อของเขาอีก!