ภาพยนตร์ทริลเลอร์จากผู้สร้าง searching| กับเรื่องราวของสาววัยรุ่นที่พยายามสืบหาว่าแม่หายไปไหน หลังจากแม่ของเธอไม่ได้กลับมาตามกำหนดการ แต่ยิ่งเธอขุดค้นลึกลงไป เธอก็ยิ่งพบกับความไม่ชอบมาพากล และความลับที่ถูกปกปิดเอาไว้
missing|
Will Merrick • Nick Johnson
(2023)
ผลงานของ Will Merrick และ Nick Johnson ที่ก้าวจากคนตัดต่อภาพยนตร์ RUN และ searching| มานั่งแท่นผู้กำกับภาพยนตร์ยาวเรื่องแรก โดยพวกเขาเป็นคนเขียนบทจากโครงเรื่องของ Sev Ohanian นักเขียนบท และ Aneesh Chaganty ผู้กำกับที่เคยร่วมงานกันมาก่อน
ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้เทคนิคการเล่าเรื่องแบบเดียวกับ searching| จึงเรียกได้ว่า missing| คือภาคต่อที่มีจุดยืนของตัวเอง โดยมีจุดเชื่อมโยงว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังจากเหตุการณ์ใน searching| (ซึ่งถูกนำไปสร้างเป็นซีรีส์โทรทัศน์ฉายใน Netflix)
ตัวภาพยนตร์เปิดมาด้วยวิดีโอเก่าที่บันทึกภาพของ James (Tim Griffin) สามีของ Grace (Nia Long) ผู้เป็นพ่อของ June (Ava Lee) ในปี 2008 ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตไปด้วยโรคเนื้องอกในสมอง ผู้ชมเห็นภาพของใครบางคนตัดส่วนหนึ่งของวิดีโอทิ้งไป และเก็บมันลงไปในไฟลเดอร์ชื่อ June ก่อนที่จะลบแอคเคาท์กูเกิลทิ้งไป ทำให้เราพอจะเดาได้ว่าน่าจะเป็น Grace ผู้เป็นแม่ ที่ต้องการพาลูกสาวไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเมืองอื่น
เวลาผ่านไปหลายปี June (Storm Reid) เติบโตกลายเป็นเด็กสาววัย 18 ปี ที่ยังคงพร่ำเพ้อถึงพ่อที่จากไปเมื่อ 10 ปีก่อน เธอมักจะอารมณ์เสียกับแม่ที่เจ้ากี้เจ้าการ ทำเหมือนเธอยังเป็นเด็กเล็กๆ เธอไม่พอใจที่แม่กำลังคบกับ Kevin (Ken Leung) ผู้ชายที่เจอกันในเว็บหาคู่ และยังวางแผนไปเที่ยวกันที่ประเทศโคลอมเบียกันสองคนในช่วงวันพ่อ
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา June ขับรถไปรับแม่ที่สนามบิน LAX ตามที่แม่สั่ง แต่กลับไม่พบแม่ ทั้งที่เครื่องบินถึงสนามบินตามกำหนดการ เธอพยายามโทร และส่งข้อความถึงแม่ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ เธอจึงคิดว่าน่าจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น
June จึงพยายามติดต่อโรงแรมประเทศโคลอมเบียที่แม่ของเธอเข้าพัก (จุดนี้ชอบมาก ตรงที่เธอสามารถสื่อสารกับพนักงานโรงแรมที่พูดภาษาอักงฤษไม่ได้ ด้วยการใช้ Google Translate แม้จะดูเกินจริงไปสักนิด ที่เธอสามารถจำทุกคำที่พนักงานพูดโต้ตอบกลับมาเป็นภาษาสเปนได้ แต่ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนที่ฉลาดมาก) ซึ่งทางโรงแรมยืนยันว่ากระเป๋าเดินทางของ Kevin และแม่ยังคงอยู่ที่โรงแรม พวกเขาหายตัวไปตั้งแต่เมื่อวานตอนบ่าย โดยไม่ได้เช็คเอาท์ June จึงขอให้พนักงานช่วยตรวงดูกล้องวงจรปิด แต่พนักงานแจ้งว่าเธอต้องไปดูด้วยตัวเอง เธอมีเวลา 48 ชั่วโมง ก่อนที่วิดีโอจะถูกบันทึกทับด้วยข้อมูลใหม่
เธอไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากโทรขอความช่วยเหลือจาก Heather (Amy Landecker) เพื่อนสนิทของแม่ที่เป็นทนายความ แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก นอกจากส่งคำร้องแจ้งเรื่องคนหายข้ามประเทศ ซึ่งต้องใช้เวลานานเกินไป เธอจึงตัดสินใจใช้บริการของ GoNinja ว่าจ้าง Javi (Joaquim de Almeida) คนท้องถิ่นให้ไปดูวิดีโอฟุตเทจที่โรงแรม
สถานการณ์เริ่มซับซ้อนยิ่งขึ้น เมื่อเธอ Javi แจ้งว่าภาพจากกล้องวงจรปิดถูกเขียนทับไปแล้ว แต่เขากลับได้ข้อมูลจากพนักงานโรงแรมว่า แม่ของเธอแต่งตัวสวยออกจากโรงแรมไปในช่วงบ่ายโมง และ Kevin ถามพนักงานโรงแรมเรื่องร้านขายวัสดุอุปกรณ์ ซึ่งทำให้เธอเกิดความสงสัยว่า Kevin ต้องการไปซื้ออะไรที่ร้านนั้น และเขาคิดจะทำอะไรกับแม่กันแน่
เมื่อไม่มีเบาะแสทางฝั่งแม่ June จึงต้องเบนเข็มไปสืบด้าน Kevin แฟนของแม่แทน ด้วยความช่วยเหลือจาก Veena (Megan Suri) เพื่อนสนิทที่ปลอมเสียง หลอกถามพาสเวิร์ดของ Kevin จากบริษัททำเว็บเล็กๆ ที่ Kevin ใช้ แต่ยิ่งเธอขุดลงไปลึกเท่าไหร่ ก็ยิ่งพบกับความไม่ชอบมาพากลของ Kevin ทั้งเรื่องที่เขามีคดีต้มตุ๋นหลอกเอาเงินผู้หญิงหลายคนในอดีตจนกระทั่งถูกจับได้ รวมถึงข้อความที่เขาโต้ตอบกับผู้หญิงอีกคน ในช่วงที่คบกับแม่ของเธอ
ชอบการเล่าเรื่องที่ทำออกมาได้ลุ้นระทึกน่าติดตามมาก นอกจากตัวผู้กำกับทั้งสองคนแล้วก็ต้องชมการตัดต่อฝีมือของ Austin Keeling และ Arielle Zakowski ที่ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน ทำให้ทุกอย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด แม้ว่าจะมีข้อมูลมากมายที่ต้องสื่อสารให้ผู้ชมรับรู้ กับจุดหักมุมที่เหนือคาด เรียกว่าหักมุมแล้วหักมุมอีกจนเดาทางกันไม่ถูก
จุดด้อยก็คงเป็นบางฉากดูเกินจริงไปหน่อย จนต้องเปิดไพ่ suspension of disbelief หรือทำเป็นลืมโลกของความจริงไปชั่วขณะ เพื่อความบันเทิงอย่างเต็มที่
ชอบที่ตัวภาพยนตร์พยายามบอกเราว่า เราไม่ควรใช้รหัสผ่าน (password) อันเดียวสำหรับทุกเว็บที่เราเป็นสมาชิก หรือใช้อีเมลเดียวในการสมัครทุกบริการ คือถ้าโดนแฮ็กอีเมลนั้น คนร้ายก็สามารถรีเซ็ตพาสเวิร์ดของเราได้ทุกอันเช่นกัน
missing| ฉายรอบปฐมทัศน์ในงานเทศกาลภาพยนตร์ Sundance วันที่ 19 มกราคม 2023 ก่อนจะเข้าฉายในสหรัฐอเมริกา วันที่ 20 มกราคม ภายใต้ลิขสิทธิ์ของ Sony Pictures Releasing และสามารถกวาดรายได้ไปมากกว่า 42 ล้านเหรียญสหรัฐ (จากทุนสร้าง 7 ล้านเหรียญ) ส่วนในประเทศไทย ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายด้วยชื่อ “เสิร์ชหา…แม่หาย” ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม