THE FOREVER PURGE
Everardo Gout
(2021)
ภาพยนตร์ลำดับที่ 5 ของแฟรนไชส์ THE PURGE ว่าด้วยเรื่องราวในปี 2048 ซึ่งเป็นเวลา 8 ปีหลังจากเหตุการณ์ใน THE PURGE: ELECTION YEAR องค์กร NFFA (New Founding Fathers of America) เข้าควบคุมรัฐบาลสหรัฐและเริ่มเทศกาลชำระบาปหรือ The Purge ประจำปีขึ้นมาอีกครั้ง คืนเดียวในหนึ่งปีที่อาชญากรรมทุกประเภท รวมถึงการฆาตกรรมกลายเป็นสิ่งถูกกฎหมายเป็นเวลา 12 ชั่วโมง
Juan (Tenoch Huerta) และ Adela (Ana de la Reguera) คู่สามีภรรยาชาวชาวเม็กซิโกหลบหนีจากแก๊งค้ายาเสพติด พวกเขาข้ามชายแดนมายังสหรัฐอเมริกาอย่างผิดกฏหมายเพื่อมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ Juan ได้งานในฟาร์มของครอบครัว Tucker ในเทกซัส ส่วน Adela ก็ได้งานทำในโรงงานใกล้เมืองออสติน
หลังจากเวลาผ่านไป 10 เดือน พวกเขาก็ได้สัมผัส Purge ประจำปีเป็นครั้งแรก พวกเขาถูกพาตัวไปที่หลบภัยรวมกับคนงานอพยพอีกหลายคน ซึ่งมีกลุ่มทหารรับจ้างคอยให้ความคุ้มครอง ค่ำคืนนั้นผ่านไปอย่างราบรื่น ไม่มีเหตุการณ์ปะทะต่อสู้อะไรทั้งนั้น พอถึงเวลาเช้า ทุกคนก็กลับไปทำงานตามปกติ Adela สังเกตว่าคนงานหลายคนไม่ได้กลับเข้ามาทำงาน
Adela ถูกชายปริศนาที่สวมหน้ากากกระต่ายสองคนรุมทำร้าย แต่ Darius (Sammi Rotibi) มาช่วยชีวิตเธอได้ทัน พวกเขาร่วมมือกันจนสามารถฆ่าคนร้ายทั้งสองคน แต่พวกเขาก็ถูกตำรวจที่บังเอิญผ่านมาจับตัวไปเนื่องจากการเข้าใจผิด
ขณะเดียวกัน ครอบครัว Tucker เจ้าของฟาร์ม ก็ถูกกลุ่มผู้ร้ายจับเป็นตัวประกัน Caleb Tucker (Will Patton) ยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อถ่วงเวลาให้ Juan และ T.T. (Alejandro Edda) สามารถเข้ามาช่วยชีวิตคนในครอบครัวที่เหลือไว้ได้
กลุ่ม white supremacy และ nativism ใช้ Purge เป็นจุดเริ่มต้นของการกำจัดผู้อพยพและคนต่างด้าว พวกเขาเรียกมันว่า Forever Purge ที่จะไม่หยุดจนกว่าสหรัฐอเมริกาจะปราศจากคนเชื้อชาติอื่น เหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นทั่วประเทศพร้อมกัน จน NFFA ต้องส่งกองทหารไปจัดการ แต่ก็ไม่สำเร็จ
ประเทศเม็กซิโกและแคนาดา ประกาศเปิดชายแดนชั่วคราว เพื่อคุ้มครองคนต่างด้าวที่ข้ามมาจากสหรัฐอเมริกา พวกเขามีเวลา 6 ชั่วโมงที่จะเดินทางข้ามไปเม็กซิโกผ่านทางเมือง El Paso ก่อนที่ชายแดนจะถูกปิดอย่างถาวร
ภาคนี้เป็นภาคที่แปลกกว่าภาคอื่นทั้งหมด กฏข้อสำคัญที่ใช้มาตลอดของ The Purge คือช่วงเวลาที่จำกัด 12 ชั่วโมงที่ตัวละครในเรื่องจะต้องทำทุกวิถีทางให้มีชีวิตรอดไปให้ได้ แต่ในภาคนี้ James DeMonaco คนเขียนบทและผู้สร้าง The Purge ตั้งแต่ภาคแรก ยอมทิ้งกฏที่เป็นแกนสำคัญ เพื่อขยายขอบเขตให้กว้างขึ้น ซึ่งทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว การเดินเรื่องที่มีความลุ้นไปกับตัวละคร แม้ว่าตัวร้ายจะแพ้ง่ายไปหน่อยก็ตาม
แต่เดิมภาคนี้ผ้เขียนตั้งใจจะให้เป็นภาคสุดท้ายของแฟรนไชส์ ซึ่งไม่แน่ใจว่าต้นฉบับเดิมตอนจบเป็นยังไง แต่ในเวอร์ชันที่สร้างมาเป็นภาพยนตร์มีการทิ้งท้ายไว้อย่างชัดเจนว่าต้องมีภาคต่อไป หลังจากที่ Forever Purge แผ่ขยายไปทั่วประเทศแล้ว ฝ่ายคนดีจะสามารถเอาชนะ white supremacy ได้หรือไม่ ก็ต้องติดตามกันต่อในภาคหน้า
THE FOREVER PURGE มีกำหนดฉายวันที่ 10 กรกฎาคม 2020 แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ทำให้ Universal Pictures ตัดสินใจเลื่อนการฉายออกไปอย่างไม่มีกำหนด จนในที่สุดก็ได้เปิดฉายในสหรัฐอเมริกาวันที่ 2 กรกฎาคม 2021 ส่วนในประเทศไทยมีกำหนดฉายวันที่ 26 สิงหาคม 2021
THE FOREVER PURGE มีกำหนดปล่อยให้เช่าบนดิจิทัลแพลตฟอร์มในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม 2021 และมีกำหนดวางจำหน่ายในรูปแบบ Blu-ray วันที่ 28 กันยายน 2021