The Fall
Tarsem Singh
(2006)
This film is majestic.
The Fall ดัดแปลงมาจากบทภาพยนตร์จากประเทศบัลแกเรียปี 1981 ชื่อ Йо Хо Хо (yo ho ho) ซึ่งเป็นเรื่องราวของนักแสดงหนุ่ม ที่กลายมาเป็นอัมพาตเนื่องจากอุบัติเหตุระหว่างการแสดง — ขณะที่เขานอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอย่างหมดหวัง เขาก็ได้พบกับเด็กแขนหักคนหนึ่ง ทั้งสองคนกลายเพื่อนกันหลังจากที่เขาเริ่มเล่าเรื่องราว การเดินทางของเหล่าผู้กล้า ที่ต้องการโด่นล้มอำนาจของผู้ปกครองที่ชั่วร้าย แต่แท้จริงแล้วสิ่งที่นักแสดงหนุ่มต้องการคือ หลอกล่อให้เด็กคนนั้นนำสิ่งที่เขาต้องการมาให้เท่านั้น
การเล่าเรื่องทำได้ดี แม้ว่าต้นเหตุมันจะดูแปร่งไปนิด แต่ก็พอกล้อมแกล้มผ่านไปได้ หลายฉากดูไม่ปะติดปะต่อ อาจจะทำให้หลายคนรู้สึกตงิดเล็กน้อย แต่ถ้าเข้าใจเนื้อเรื่องโดยรวมก็จะทราบว่า มันเป็นเรื่องที่พระเอกแต่งขึ้นสด เพื่อหลอกล่อเด็กให้ไปเอาสิ่งที่เขาต้องการมาให้ ขณะที่เขาเล่าเรื่องไปเรื่อย เด็กคนนั้นก็ค่อยค่อยกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องเล่า ซึ่งมีผลกับตอนจบทั้งในนิทานและชีวิตจริง!
ส่วนที่น่าทึ่งคือฉากและองค์ประกอบภาพ ที่เป็นเรื่องเล่า ที่สวยงามอลังการเหลือเกิน หลายฉากสวยอย่างไม่น่าเชื่อ (แบบถ้าไปดูของจริงก็คงไม่สวยเท่าในภาพยนตร์) เพลงประกอบก็ลงตัว ทั้งที่หยิบมาใช้และแต่งขึ้นใหม่ เข้ากันอย่างยอดเยี่ยม
การแสดงของหนูน้อย Alexandria (Catinca Untaru) ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมกับบทที่ได้รับ (ของเก่าจะเป็นเด็กผู้ชาย แต่ฉบับนี้เปลี่ยนเป็นเด็กผู้หญิง) ส่วนนักแสดงหนุ่มรับบทโดย Lee Pace (จาก Pushing Daisies) ก็แสดงได้อย่างดีทีเดียว
จากที่อ่านมา ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างมาตั้งแต่ปี 2006 แต่ด้วยสาเหตุบางอย่างทำให้ถูกดองไว้ กว่าจะได้ฉายก็ปี 2008 หรือว่าเพราะตอนนี้ Lee Pace ดังแล้ว เพราะเพิ่งถูกเสนอชื่อใน Emmy Awards?! …ตอนปี 2006 คงยังไม่มีใครรู้จักผู้ชายคนนี้
คงต้องบอกว่าแค่เข้าไปดูฉาก กับเพลงประกอบก็คุ้มค่าตั๋วแล้ว และยิ่งถ้าเป็นคนชอบอะไรแนวนิทาน ก็ยื่งไม่ควรพลาดชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ขณะนี้มีฉายที่ Scala และ House
ภาพยนตร์เรื่อง The Fall เป็นผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องที่สองของ Tarsem Singh ที่มีผลงานกำกับ The Cell ในปี 2000 สำหรับภาพยนตร์เรื่อง The Fall นี้ มีการยกทีมกันไปถ่ายกันรอบโลกเลยทีเดียว เพื่อเก็บฉากอลังการทั้งหลาย ตั้งแต่ India, Andaman Islands, Argentina, Bali, Brazil, Cambodia, Cape Town, Prague, Chile, China, Egypt, Fiji, Himalayas, Italy, Maldives, Namibia, Paris, Romania, South Africa, Turkey
ตอนจบเป็นการจบแบบค่อนข้างเปิด โดยคนเล่าเรื่องช่วงจบจะเป็นเด็กผู้หญิง ว่าเรื่องราวต่อมาเกิดอะไรขึ้นกับนักแสดงหนุ่มคนนั้น ซึ่งความจริงแล้วไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่า สิ่งที่เธอเล่านั้นเป็นความจริง หรือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในจินตนาการ ที่เธอคิดว่ามันควรจะเป็น เพลงประกอบภาพยนตร์ก็เพราะมาก แต่ไม่มีทำออกมาขาย