once
John Carney
(2007)
Are you really sure that you believe me when others say I lie… I wonder if you could ever despise me when you know i really try to be a better one, to satisfy you. For you’re everything to me, and I do what you ask me if you let me be free.
ONCE premiered at Sundance Film Festival on 20 January 2007 and the audience awards. The film was theatrically released in Ireland on 23 March, followed by a limited release in the United States on 16 May.
ได้อัลบัมออริจินัลซาวด์แทร็คของภาพยนตร์เรื่อง Once มานาน แล้วก็ได้ฟังไปแบบผ่านผ่าน มาประมาณสองรอบ ต้องขอบอกว่าไม่ได้ติดใจกับอัลบัมนี้เลย ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะผมมักจะฟังเพลงโดยสัมผัสกับเมโลดี้ และจังหวะของดนตรีเป็นหลัก มีน้อยครั้งมากที่ผมจะมานั่งฟังว่าเขาร้องสื่อสารอะไรออกมา คือเพลงนั้นจะต้องถูกใจอยู่ในระดับมากมาก ถึงจะทำให้สนใจว่าร้องอะไร ส่วนตัวคิดว่าดนตรีที่ดีนั้น มันสื่ออารมณ์อยู่แล้ว เนื้อร้องเป็นเพียงส่วนประกอบ ช่วยสื่อสารให้คนเข้าใจมากขึ้น ด้วยการใช้ภาษาที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้มากกว่า
เพิ่งมีโอกาสได้ดูภาพยนตร์เรื่อง Once ซึ่งเป็นเรื่องราวของชายหญิงคู่หนึ่ง ที่บังเอิญได้มาพบกันบนถนนแห่งหนึ่ง ยามค่ำคืนในเมืองดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ฝ่ายชาย (Glen Hansard) กำลังขับร้องเพลง Say It to Me Now ที่เขาแต่งขึ้นเอง ส่วนฝ่ายหญิง (Markéta Irglová) ก็ยืนฟังด้วยความสนใจ ว่าเพลงที่เขาร้องในขณะนี้ มันช่างต่างกับ เพลงที่เขาเลือกมาร้องตอนกลางวัน ที่เป็นเพลงตลาดซึ่งคนรู้จักกันดี ส่วนเพลงที่เขาเลือกมาร้องในเวลากลางคืน นั้นเป็นเพลงที่เขาแต่งขึ้นเอง และเป็นตัวตนที่แท้จริงของเขา
ด้วยความสนใจและลุ่มหลงในเนื้อหาของเพลง เธอจึงเริ่มเปิดบทสนทนา ด้วยการถามคำถามเกี่ยวกับเพลงที่เขาเพิ่งร้องไป หลังจากคุยกันไปสักพัก เธอก็รู้ว่าเขามีงานประจำอยู่ที่ร้านซ่อมเครื่องดูดฝุ่น และก็บังเอิญกับที่เธอกำลังมีปัญหากับเครื่องดูดฝุ่นพอดี
วันต่อมาพวกเขาก็ได้มาพบกันอีก เนื่องจากเธอนำเครื่องดูดฝุ่นที่เสียมาให้เขาช่วยดูให้ เมื่อเขารู้ว่าเธอก็เป็นนักดนตรีเหมือนกัน เขาจึงขอให้เธอเล่นเปียโนให้ฟัง หลังจากนั้นเขาก็สอนให้เธอร่วมเล่นเพลง Falling Slowly ซึ่งเธอก็สามารถเข้าใจและเล่นได้อย่างรวดเร็ว ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มก่อตัวขึ้น โดยบทเพลงที่ใช้ในเรื่อง ก็เป็นตัวบอกเล่าเรื่องราวได้อย่างลื่นไหลมาก
พอได้ฟังเพลงกับดูตัวภาพยนตร์ไปพร้อมกันแล้ว รู้สึกได้เลยว่าตัวหนังมันมีพลังมาก โดยทั้งเพลงและตัวหนังต่างก็เกื้อหนุนกัน เหมือนตัวละครทั้งสองในเรื่อง ถ้าดูแต่ภาพยนตร์ที่ไม่มีเพลงประกอบแบบนี้ ก็คงไม่ต่างจากการดูหนังไล่ตามหาความฝันทั่วไป หรือหากจะฟังแต่เพลงประกอบอย่างเดียว ไม่ได้ดูภาพยนตร์ มันก็ไม่ต่างจากอัลบัมอินดี้ ที่มีออกมาดาษดื่น เพราะตัวเพลงก็ไม่ได้มีความแปลกใหม่ หรือซึ้งประทับจิตแต่อย่างใด
ฉากที่ผมชอบมากมากมีอยู่สามฉาก คือฉากเพลง Falling Slowly ที่ทั้งคู่ร้องเล่นกันในร้านขายเครื่องดนตรี, ฉากเพลง If You Want Me ที่เป็นฉากที่เธอเดินกลับบ้าน หลังจากที่เดินไปซื้อถ่านใส่เครื่องเล่นซีดี และฉากเพลง The Hill ที่เธอร้องให้เขาฟัง ด้วยเปียโนที่อยู่ในห้องมืดมืด
อ่านรีวิวแล้วน่าดูมาก
แถมใน imdb ได้คะแนนถึง 8.2/10