ภาพยนตร์สารคดีเปิดเผยเบื้องหลังวงการเพชร สงครามระหว่างเพชรธรรมชาติ (Natural Diamond) ที่ถูกควบคุมโดยองค์กรยักษ์ใหญ่ ผู้กำหนดราคาของเพชรในตลาด และการแทรกซึมของเพชรสังเคราะห์ (Synthetic Diamond) จากห้องแล็บ ที่มีคุณสมบัติลักษณะเหมือนเพชรธรรมชาติทุกอย่าง
NOTHING LASTS FOREVER
Jason Kohn
(2022)
ผู้คนทั้งโลกหลงกลโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับเพชร ว่ามันคือสิ่งที่หายากและทรงคุณค่า ซึ่งได้รับพัฒนาขึ้นมาโดยทีมการตลาดของบริษัท De Beers ผู้เชี่ยวชาญด้านการขุดเหมืองเพชร เส้นทางการค้าเพชร การผลิตเพชรในระดับอุตสาหกรรม รวมถึงการขายปลีก ก่อตั้งขึ้นในปี 1888 โดย Cecil Rhode และกลายเป็นผู้ควบคุมการแบ่งสรรปันส่วนเพชรดิบ (Rough Diamond) มากถึง 85% ของโลก
ราคาของเพชรขึ้นอยู่กับคุณลักษณะ 4 ประการ (4C’s) Carat (น้ำหนัก หรือจำนวนกะรัต), Color (สี), Clarity (ความใสบริสุทธิ์) และ Cut (ขนาดของเพชร) แต่คุณค่าของเพชรอยู่ที่ไหนกันแน่ อยู่ที่ราคา หรืออยู่ที่คุณค่าทางใจ ที่บริษัทเพชรพยายามสร้างขึ้นว่า เพชรคือสิ่งเลอค่า เป็นตัวแทนของรักแท้ที่บริสุทธิ์
Dusan Simic ผู้เชี่ยวชาญด้านอัญมณี (Gemologist) เชื่อว่าเราสามารถสร้างของปลอมที่เหมือนสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาได้ 100% โดยเฉพาะเพชรสังเคราะห์ (Synthetic Diamond) ที่มีคุณสมบัติทางวิทยาศาตร์ไม่ต่างจากเพชรธรรมชาติ (Natural Diamond) โดยสามารถผลิตขึ้นได้ในห้องแล็บด้วยราคาที่ต่ำกว่ามาก ซึ่งเพชรสังเคราะห์มีความสมบูรณ์แบบมากกว่าเพชรธรรมชาติซะอีก แต่ก็ยังมีคนที่เชื่อว่าเพชรที่ถูกขุดมาจากใต้พื้นโลก คือสิ่งที่เป็นธรรมชาติที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา ย่อมมีคุณค่ามากกว่าเพชรที่มนุษย์สร้าง
Martin Rapaport ประธานและผู้ก่อตั้ง Rapaport Diamon Report และ RapNet เครือข่ายออนไลน์ของการค้าเพชร ซึ่งเป็นผู้ประกาศราคาเพชรในตลาดมาตั้งแต่ปี 1978 เชื่อว่าเพชรคือสัญลักษณ์ของคำมั่นสัญญาแห่งรัก ดังนั้นเพชรจึงต้องมีราคาแพง เพราะเป็นสิ่งที่ผู้หญิงคาดหวังว่า สิ่งที่คนรักของเธอมอบให้ ก็ต้องเป็นของที่มีมูลค่าคู่ควร เขาปฏิเสธที่จะนำเพชรสังเคราะห์เข้ามาอยู่ในเครือข่ายค้าเพชรของเขา
ส่วนที่ชอบสุดของสารคดีนี้ คือบทสัมภาษณ์ของคุณ Aja Raden นักออกแบบเครื่องประดับ เธอคิดว่าเพชรทุกเม็ดเหมือนกันหมด และไม่มีมูลค่าอะไรเลย เธอเชื่อว่าการที่ผู้คนเกิดความอยากได้ เป็นเพราะพวกเขาถูกพร่ำบอกให้เชื่อว่าพวกเขาต้องการสิ่งนั้น ซึ่งทีมการตลาดของ De Beers ใช้การโฆษณาตลอดระยะเวลากว่า 100 ปี เพื่อทำให้ผู้คนหลงเชื่อว่าเพชรคือสิ่งที่คุณค่า และเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ ด้วยการสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่า แหวนหมั้น (Engagement Ring) ที่มีเพชรติดอยู่ด้านบน พวกเขาทำให้ทุกคนเชื่อว่า เพชรคือตัวแทนของความรักอมตะที่จะคงอยู่ไปชั่วนิรันดร์ (A diamond is forever.) เพชรคือสิ่งที่ดีที่สุด แน่นอนว่าคนเราต้องการสิ่งที่ดีที่สุด และยอมจ่ายเงินเพื่อสิ่งที่ดีที่สุด
Stephen Lussier รองประธานกรรมการบริหารของบริษัท De Beers เชื่อว่าเราไม่สามารถลอกเลียนแบบเพชรที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ผ่านกาลเวลากว่าพันล้านปี เป็นเหมือนสิ่งที่เชื่อมต่ออดีตกับปัจจุบัน แต่หลังจากมีข่าวเพชรสังเคราะห์ไหลเข้ามาปนอยู่กับเพชรธรรมชาติในตลาด พวกเขากลับพยายามปกปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เมื่อข่าวรั่วไหลออกมา ทาง De Beers ก็ประกาศว่าได้ทำการสุ่มตรวจสอบเพชรจำนวนหลายพันกะรัต พวกเขาไม่พบว่ามีเพชรสังเคราะห์ปะปนอยู่เลย
De Beers จัดตั้ง IIDGR (International Institution of Diamond Grading & Research) เพื่อจำหน่ายเครื่องตรวจสอบเพชรทั่วโลก เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ทำให้พวกเขาสามารถตรวจสอบเพชรได้ด้วยตัวเอง แทนที่จะต้องส่งเพชรไปตรวจสอบให้ห้องแล็บเหมือนสมัยก่อน แต่ในความเป็นจริง ไม่มีใครรู้ว่าเครื่องเหล่านี้ทำงานอย่างไร เพราะแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านอัญมณี ก็ยังไม่สามารถแยกแยะเพชรธรรมชาติออกจากเพชรสังเคราะห์ได้ แม้แต่เพชรที่มาพร้อมกับใบรับรองของ GIA (Gemological Institute of America) ก็ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นเพชรธรรมชาติจริง 100% เนื่องจากใบรับรองก็สามารถปลอมแปลงได้เช่นกัน
เรื่องเล่าในอดีตก็ถูกบิดเบือน ดัดแปลงเพื่อทำให้คนเชื่อว่าเพชรเป็นสิ่งที่มีมูลค่าสูงมาตั้งแต่โบราณ สมัย Mary of Burgundy ในศตวรรษที่ 14 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการเจียระไนเพชรได้อย่างสมบูรณ์เป็นครั้งแรก โดยก่อนหน้านี้เพชรก็เป็นเพียงแค่อัญมณีชนิดหนึ่งเท่านั้น และไม่ใช่อัญมณีที่หายากอย่างที่ทุกคนเข้าใจ พวกเขาใช้การประมูลเพชรขนาดใหญ่ เพื่อสร้างภาพว่า เป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ทั้งที่บริษัทมีเพชรขนาดใหญ่มากมายเก็บอยู่ในโกดังอยู่แล้ว พวกเขาแค่รอเวลา กับการแต่งเรื่องราวที่น่าทึ่ง ก่อนจะปล่อยเพชรเหล่านั้นออกมาเปิดประมูลสร้างข่าวใหม่
Jwaneng เหมืองเพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลกเป็นของ De Beers และรัฐบาลบอตสวานา มีความกว้างประมาณ 2 กิโลเมตร ในพื้นที่แห้งแล้งไม่มีคนอยู่อาศัย De Beers รายงานว่าเหมืองนี้ช่วยสร้างความเจริญให้กับประเทศบอตสวานา จากถนนลาดยาง 6 กิโลเมตร กลายเป็นเงินที่ใช้สร้างถนนยาวกว่า 6,000 กิโลเมตร หรือ แพทย์ 1 คนต่อประชากร 50,000 คน ก่อนจะมีเหมืองเพชร กลายเป็นแพทย์ 1 คน ต่อประชากร 300 คน รวมถึงโรงพยาบาล และการศึกษาฟรี
NOTHING LASTS FORVER เปิดฉายรอบปฐมทัศน์ในงานเทศกาลภาพยนตร์เบอร์ลิน วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2022 ก่อนจะเข้าฉายในสหรัฐอเมริกา วันที่ 11 พฤศจิกายน และในสหราชอาณาจักร วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2023 พร้อมกับปล่อยสตรีมมิงทาง Showtime และ Paramount+