เมื่อการขโมยงานศิลป์ไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ จนเป็นเหุตทำให้โจรต้องติดอยู่ในเพนท์เฮาส์ที่เต็มไปด้วยงานศิลปะมูลค่าหลายสิบล้านเหรียญ เขาต้องหาทางรอดออกไปจากที่แห่งนี้ให้ได้ด้วยตัวเอง
INSIDE
Vasilis Katsoupis
(2023)
Nemo (Willem Dafoe) ลักลอบเข้าไปในเพนท์เฮาส์หรูแห่งหนึ่ง เพื่อขโมยภาพวาดของ Egon Schiele (จิตรกรชาวออสเตรีย ลูกศิษย์ของ Gustav Klimt มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1890 – 1918) มูลค่าหลายล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่เจ้าของห้องเดินทางไปต่างประเทศ
เขามีเวลา 7 นาที หลังจากใส่รหัสปลดล็อกระบบรักษาความปลอดภัย เขาได้ภาพ Seated Woman In Underwear, Rear View, Cowering Man และ Reclining Nude In Green Stockings แต่ภาพวาด self-portrait ของ Egon Schiele ไม่อยู่ในตำแหน่งที่มันควรจะถูกแขวนอยู่ เขาจึงต้องเสียเวลาตามหาว่าภาพวาดถูกย้ายไปไว้ที่ไหน แต่ก็หาไม่เจอ
Number 3 (Andrew Blumenthal) ผู้ร่วมงานของ Nemo เป็นกังวลเรื่องเวลา จึงบอกให้ Nemo รีบนำภาพทั้งสามกลับออกมา เขาต้องใส่รหัสเพื่อเปิดระบบรักษาความปลอดภัย แต่เกิดเหตุคอมพิวเตอร์ขัดข้อง สั่งปิดทางเข้าออกทั้งหมด โดยที่ Nemo ยังติดอยู่ข้างใน ส่วนผู้ร่วมงานก็ชิ่งหนีไปทันที ปล่อยให้ Nemo หาทางรอดด้วยตัวเองเพียงลำพัง
Nemo พยายามหาทางออกซึ่งดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลย โครงสร้างของเพนท์เฮาส์แห่งนี้ถูกออกแบบมายิ่งกว่าพิพิธภัณฑ์หรือคุก มันมีกระจกที่แข็งแกร่งราวกับกระจกกันกระสุน มีประตูหน้าทำจากไม้ที่หนาจนเสียงจากในห้องไม่สามารถทะลุออกไปด้านนอกได้ ระบบน้ำทั้งหมดถูกตัด (ทำไม?!) ตู้เย็นที่แทบไม่มีของกินเก็บเอาไว้ และมีช่องแช่แข็งที่เล่นเพลง Macarena ทุกครั้งที่ช่องถูกเปิด
เท่านั้นยังไม่พอ คอมพิวเตอร์ขัดข้องทำให้ระบบรักษาอุณหภูมิเปลี่ยนไปมา บางครั้งก็ร้อนมากทะลุ 41°C บางเวลาอุณหภูมิก็ตกลงไปเหลือ 5°C โทรศัพท์ในห้องใช้งานไม่ได้ ทำให้เขาไม่สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือจากใคร (ทำไมถึงไม่มีโทรศัพท์มือถือนะ) สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงเมื่อน้ำดื่มในตู้เย็นหมดลง เขาต้องประทังชีวิตด้วยน้ำจากท่อส่งน้ำรดต้นไม้อัตโนมัติ (น้ำมาจากไหน? คนละท่อกันหรอ) หนทางออกจากที่นี่ทางเดียวที่เขาเห็นก็คือช่องสกายไลท์ที่อยู่บนเพดาน
ผลงานภาพยนตร์ยาวเรื่องแรก แนวไซโคทริลเลอร์ของ Vasilis Katsoupis ผู้กำกับชาวกรีก ชอบพล็อตเรื่องที่ตัวเอกติดอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยงานศิลปะเป็นเวลานาน จนจิตใจเกิดความสับสนเห็นภาพหลอนไม่มีอยู่จริง การวางเฟรมและโปรดักชันการออกแบบฉากทำได้สวยมาก งานศิลป์ทุกชิ้นที่เห็นในภาพยนตร์ก็เป็นของจริงที่หยิบยืมมาถ่ายทำ (มีรายชื่อทั้งหมดใน end credits)
Willem Dafoe เล่นคนเดียวเกือบทั้งเรื่อง ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจกับนักแสดงฝีมือระดับนี้ แต่ก็ทำให้เราแอบคิดว่า ถ้าเลือกนักแสดงคนอื่นที่ไม่เคยเล่นบทแนวนี้มาก่อน อาทิ George Clooney หรือ Brad Pitt อาจทำให้อารมณ์ของเรื่องสนุกขึ้นก็ได้ เพราะทั้งเรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นในสถานที่เดียว และมีหลายอย่างดูไม่สมจริง ทำให้ผู้ชมต้องทนดูฉากน่าเบื่อคล้ายกันซ้ำไปซ้ำมา โดยไม่มีจุดหักมุม หรือฉากจบที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันคุ้มค่ากับการเสียเวลา 98 นาที
INSIDE ฉายรอบปฐมทัศน์ในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ Berlin วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2023 ก่อนจะเช้าฉายในสหรัฐอเมริกา วันที่ 17 มีนาคม โดย Focus Features