IN THE SAME BREATH
Nanfu Wang
(2021)
ผลงานของ Nanfu Wang ผู้สร้างสารคดีชาวจีนสัญชาติอเมริกัน ที่แต่เดิมต้องการสร้างสารคดีสั้นเกี่ยวกับการรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ของรัฐบาลจีน หลังจากที่เธอเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดที่ประเทศจีนในช่วงปีใหม่ของปี 2020 และต้องฝากลูกชายไว้ขณะที่เธอต้องเดินทางไปทำโปรเจคอื่น ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่รัฐบาลจีนประกาศล็อกดาวน์เมืองอู่ฮั่น (武汉) ทำให้เธอเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของลูกชาย แต่เธอก็ไม่สามารถหาข้อมูลอะไรได้ เนื่องจากรัฐบาลจีนได้ทำการปกปิดข้อมูลทั้งหมด เธอจึงหาทางติดต่อช่างภาพในอู่ฮั่นที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลจีนให้ถ่ายภาพในโรงพยาบาลได้ ทำให้เธอได้เห็นสภาพความเป็นจริง และตัดสินใจทำสารคดียาวเพื่อถ่ายทอดสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศจีน สิ่งที่รัฐบาลจีนทำ เปรียบเทียบกับการรับมือกับโรคระบาดของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา การให้ข้อมูลเท็จของ CDC และการตอบโต้จากประชาชนชาวอเมริกัน
ค่ำคืนของการก้าวเข้าสู่ปี 2020 ประชาชนชาวอู่ฮั่นทำการเฉลิมฉลองวันปีใหม่เช่นเดียวกับเมืองอื่นๆ ทั่วโลก ประธานาธิบดีให้คำอวยพรชาวจีนผ่านสื่อไปทั่วประเทศในเช้าของวันที่ 1 มกราคม 2020 และต่อมาในตอนบ่ายวันเดียวกัน สำนักข่าวจีนก็รายงานว่าตำรวจอู่ฮั่นได้จับกุมคน 8 คนที่ปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับโรคปอดอักเสบปริศนา แต่ข่าวนี้ก็ไม่ได้รับความสนใจจากประชาชนทั้งประเทศที่กำลังรื่นเริงกับการเฉลิมฉลอง รวมถึงตัว Nanfu Wang ผู้กำกับสารคดีเรื่องนี้ ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกามา 9 ปี โดยที่ช่วงเดือนมกราคมของทุกปีเธอจะเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดในประเทศจีน เพื่อไปร่วมฉลองงานตรุษจีนกับครอบครัว
Nanfu เดินทางกลับถึงสหรัฐอเมริกาในวันที่ 23 มกราคม 2020 เพื่อไปทำงาน โดยฝากลูกชายไว้กับแม่ของเธอ เพื่อให้พวกเขาได้ใช้เวลาในวันหยุดร่วมกัน เธอก็ทราบข่าวว่าในวันนั้นรัฐบาลจีนประกาศปิดเมืองอู่ฮั่นที่มีประชากรราว 11 ล้านคน เธอพยายามหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตแต่ก็ไม่พบข้อมูลที่เป็นทางการเพิ่มเติม นอกจากข่าวงานเลี้ยงเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนหรือวันปีใหม่ตามปฏิทินของจีนที่รัฐบาลจัดขึ้นเหมือนทุกปีราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เธอพบภาพถ่ายและวิดีโอของผู้คนจำนวนมากแออัดกันอยู่ในโรงพยาบาลที่คนในเมืองอู่ฮั่นโพสต์ลงโซเชียลมีเดียต่างๆ จนในที่สุดเธอก็ได้ข้อมูลจากญาติที่ทำงานในโรงพยาบาลที่บอกเธอว่า มีผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อหลายคนที่โรงพยาบาลในเมืองที่ครอบครัวของเธออยู่ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองอู่ฮั่นกว่า 320 กิโลเมตร แต่รัฐบาลออกคำสั่งห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ทุกคนเก็บไว้เป็นความลับ ทำให้เธอต้องหาทางเอาตัวลูกชายออกจากประเทศจีนให้เร็วที่สุด เธอค้นพบกระดานข่าวในอินเตอร์เน็ตที่ชาวจีนโพสรูปถ่ายบัตรประจำตัว ฟิล์มเอกซ์เรย์ ที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อ แต่ไม่ได้รับการรักษา เนื่องจากโรงพยาบาลเต็มไปด้วยคนป่วยจนไม่สามารถรับผู้ป่วยเพิ่มได้อีก
เมื่อเธอเห็นภาพผู้ป่วยเหล่านั้น ทำให้เธอนึกถึงอดีตสมัยที่เธออายุ 11 ขวบ ขณะที่พ่อของเธอรักษาโรคหัวใจอยู่ในโรงพยาบาล แม่ของเธอต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินมาจ่ายค่ารักษา เธอต้องคอยดูแลพ่ออยู่ข้างเตียงเพียงลำพัง เธอต้องไปรอเข้าแถวเพื่อกรอกเอกสารหรือรับยาแทนพ่อของเธอ ไม่ต่างจากประชาชนที่มายืนรอเข้าแถวเพื่อรอรับการรักษาที่โรงพยาบาลในอู่ฮั่น พ่อของเธอเสียชีวิตในเวลาต่อมาด้วยวัยเพียง 33 ปี ทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่าพ่อของเธออาจจะมีชีวิตที่ยืนยาวกว่านั้น ถ้าพ่อของเธอมีโอกาสเข้าถึงการรักษาที่ดีกว่า คำถามที่เธอมีสมัยที่เด็กทำให้เธอเติบโตมาเป็นคนทำสารคดีอย่างทุกวันนี้ เธอพยายามรวบรวมข้อมูลจากเว็บบอร์ด โซเชียลมีเดียต่างๆ และติดต่อไปยังหนังสือพิมพ์รายใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ทั้ง New York Times และ Washington Post โดยหวังว่าถ้าเกิดกระแสข่าวขึ้น คนเหล่านั้นอาจจะได้รับความสนใจรวมถึงความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีสื่อเจ้าไหนสนใจจะทำรายงานข่าวเรื่องนี้เลย
เธอจึงตัดสินใจติดต่อช่างภาพที่ทำงานในอู่ฮั่นเพื่อจ้างให้พวกเขาบันทึกเรื่องราวของผู้คน ทำให้เธอได้ข้อมูลของประชาชนที่ถูกกักตัวอยู่ในเมือง ทุกคนไม่สามารถออกไปไหนมาไหนได้ถามใจชอบ แต่ละอาคารมีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าดู คนที่จะเดินทางออกจากที่อยู่อาศัยจะต้องรับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลก่อนเท่านั้น แม้แต่คนที่จะถ่ายภาพในโรงพยาบาลก็ต้องมีจดหมายรับรองจากรัฐบาล ช่างถ่ายภาพที่รับงานของเธอก็ต้องยอมแบกรับความเสี่ยงที่พวกเขาอาจจะถูกรัฐบาลจับตัวไปสอบสวน
แต่ก็ยังมีปัญหา เมื่อช่างภาพมักจะหยุดการบันทึกเมื่อพวกเขาเห็นอะไรบางอย่างที่พวกเขาคิดว่าว่าไม่เหมาะสม เธอจึงแนะนำให้พวกเขาตั้งกล้องวิดีโอทิ้งไว้ตามจุดต่างๆ ในโรงพยาบาล และปล่อยให้กล้องบันทึกไปเรื่อยๆ เพื่อเธอจะได้นำฟุตเทจมาตัดต่อในภายหลัง ทำให้เธอได้เห็นสภาพที่แท้จริงภายในโรงพยาบาล และความจริงบางอย่างที่รัฐบาลไม่เคยประกาศให้ประชาชนทราบ Tao Wenbin พ่อที่ติดเชื้อมาจากลูกชาย แต่รักษาหายแล้ว ขณะที่ลูกชายยังคงใส่เครื่องช่วยหายใจ Tao ให้สัมภาษณ์ว่าลูกชายของเขามีอาการมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2019 นับเป็นเวลากว่า 1 เดือนก่อนที่รัฐบาลจะประกาศว่ามีโรคระบาด เธอต้องการสัมภาษณ์หมอและพยาบาล แต่ทำไม่ได้ เนื่องจากการสัมภาษณ์ต้องได้รับอนุมัติจากรัฐบาล
กล้องที่ช่างภาพตั้งไว้ยังสามารถเก็บภาพของสื่อต่างๆ ที่รัฐบาลส่งมาทำข่าว ด้วยการบอกบทให้หมอและพยาบาล จัดฉากเพื่อใช้ถ่ายทอดไปทั่วประเทศ รัฐบาลส่งนักข่าวหลายร้อยคนเข้ามาทำข่าวในอู่ฮั่น รัฐบาลเป็นผู้ควบคุมสื่อทุกอย่าง นำเสนอข่าวในแง่บวก เพื่อสร้างภาพให้ประชาชนจีนและชาวโลกเห็นว่าประเทศจีนสามารถเอาชนะโรคระบาดได้ ประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังเห็นด้วยกับการกระทำของรัฐบาล พวกเขาคิดว่าสื่อต่างชาติหาผลประโยชน์จากการนำเสนอข่าวจีนในแง่ลบเพื่อทำลายประเทศจีน
เธอเบนเข็มไปหาข้อมูลจากเจ้าของคลินิกส่วนตัว เนื่องจากโรงพยาบาลทั้งหมดเป็นของรัฐบาลที่ออกกฏห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ทั้งหมอและพยาบาลเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับไววัส แม้ว่าพวกเขาจะรู้เรื่องไวรัสมาตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2019 แล้วก็ตาม Chen Runzhen เจ้าของคลินิกที่ใกล้กับตลาดอาหารทะเล Huanan ซึ่งเชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดของการแพร่ระบาด ได้มอบวิดีโอจากกล้องวงจรปิดที่เผยให้เห็นภาพของคนจำนวนมากที่เข้ามาซื้อยาตอนช่วงปลายเดือนธันวาคม 2019 ด้วยอาการป่วย มีไช้ ไอ คล้ายเป็นหวัด จนในที่สุด Liu Deyan สามีของเธอก็ติดเชื้อ และเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา หลังจากที่เขามีอาการป่วยและถูกปฏิเสธการรักษาจาก 4 โรงพยาบาล โดยที่ไม่มีการแจ้งเหตุผล นอกจากการอ้างว่าทางโรงพยาลบาลไม่มีเครื่องมือเพียงพอที่จะรักษาเขา
เธอค้นพบเอกสารแรกที่มีการบันทึกอาการของผู้ป่วยที่มีลักษณะอาการคล้ายโรคปอดอักเสบ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2019 หลังจากนั้นในวันที่ 30 ธันวาคม หมอหลายคนได้ส่งข้อความผ่านกลุ่มแชทเพื่อเตื่นเพื่อน ญาติพี่น้อง เกี่ยวกับไวรัสพันธุ์ใหม่ที่มีลักษณะคล้าย SARS — หนึ่งในนั้นคือ Li Wenliang ที่ต่อมาเสียชีวิตหลังจากที่เขาติดเชื้อจากผู้ป่วย ภาพของแชทข้อความเตือนถูกส่งต่อกระจายไปในโลกโซเชียลอย่างรวดเร็ว กลายเป็นสาเหตุให้หมอทั้ง 8 คนถูกจับกุมและลงโทษฐานเผยแพร่ข่าวลือเกี่ยวกับไวรัสพันธุ์ใหม่
หลังจากนั้นรัฐบาลจีนก็ยังคงไม่ยอมรับว่ามีการระบาดของไวรัสพันธุ์ใหม่ พวกเขายังประกาศให้ประชาชนเชื่อว่าไวรัสพันธุ์ใหม่ไม่มีอันตราย และมีโอกาสน้อยมากที่จะติดต่อจากคนสู่คน หลังจากนั้นเพียง 1 วันรัฐบาลก็ประกาศว่าเชื้อไวรัสสามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ แต่รัฐบาลยังเชื่อว่าสมารถป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดได้ — สามวันหลังที่รัฐบาลประกาศว่าควบคุมได้ เมืองอู่ฮั่นก็ถูกสั่งปิด ห้ามประชาชนผ่านเข้าออกโดยเด็ดขาด
วันที่ 1 มีนาคม 2021 มีข่าวผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อรายแรกของนครนิวยอร์ก แต่ทางรัฐบาลยังคงบอกให้ประชาชนในชีวิตอย่างปกติ coronavirus ไม่มีอันตราย ถึงแม้จะติดก็จะมีอาการเหมือนไข้หวัดเท่านั้น CDC ประกาศว่าผู้คนสามารถใช้ชีวิตเหมือนเดิม โดยไม่มีความจำเป็นต้องสวมหน้ากาก แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2020 มีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากกว่า 5,000 คนในนิวยอร์ก ทางการออกประกาศให้ประชาชนอยู่ที่บ้าน
โรงพยาบาลในสหรัฐอเมริกาก็ไม่ได้มีการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับโรคระบาด หมอและพยาบาลไม่ได้รับการฝึกและไม่ได้รับอุปกรณ์ที่พวกเขาจะต้องใช้ป้องกันตัวจากไวรัสจนกระทั่งผู้ติดเชื้อถูกส่งตัวเข้ามาที่โรงพยาบาล หมอและพยาบาลยังถูกกดดันจากโรงพยาบาลห้ามไม่ให้พูดเรื่องนี้กับคนภายนอก แม้แต่เจ้าหน้าที่ที่สวมอุปกรณ์ป้องกันที่พวกเขาเตรียมไปเองก็ยังถูกสั่งให้ถอดออก แนวปฏิบัติมาตรฐานของ CDC ในช่วงแรกถูกเปลี่ยนทุกวันตามจำนวนของหน้ากากในตลาดแทนที่จะเป็นแนวปฏิบัติที่มาจากเหตุและผลทางวิทยาศาสตร์
หลังจากที่รัฐบาลจีนสั่งปลดล็อกเมืองอู่ฮั่นในวันที่ 8 เมษายน 2020 พวกเขาจัดงานฉลองเพื่อขอบคุณเจ้าหน้าที่พยาบาลทุกคนที่รัฐบาลส่งมาช่วยเหลือ ถ่ายทอดผ่านโทรทัศน์ไปทั่วประเทศ กลายเป็นการเฉลิมฉลองพรรคคอมมิวนิสต์จีน เหมือนกับเหตุการณ์หลังภัยพิบัติครั้งก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็น SARS ปี 2003, แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ปี 2008, จนถึง COVID-19 ปี 2020 ผู้คนที่รอดชีวิตกลายเป็นคนที่รักชาติมากกว่าเดิม เป็นชัยชนะอีกครั้งของพรรคคอมมิวนิสต์ รัฐบาลจีนประกาศว่ามีผู้เสียชีวิตจากไวรัส 3,335 คน แต่ตัวเลขจริงที่ได้มาจากการสังเกตและการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่เผาศพ คาดว่าตัวเลขของผู้เสียชีวิตนั้นมีมากกว่า 20,000 หรืออาจจะใกล้ 30,000 คนเลยทีเดียว (ทุกวันนี้ก็ยังไม่สามารถระบุต้นกำเนิดหรือ Patient Zero ได้)
ในสหรัฐอเมริกาดินแดนแห่งเสรีภาพ ประชาชนที่ไม่เชื่อคำพูดรัฐบาลออกมาเดินประท้วง พวกเขาคิดว่ารัฐบาลแต่งตัวเลขผู้ติดเชื้อและจำนวนผู้เสียชีวิตเพื่อให้คนปฏิบัติตัวตามที่รัฐบาลต้องการ การสั่งให้คนอยู่บ้านและสวมหน้ากากเป็นการริดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน คนส่วนหนึ่งเชื่อว่าไวรัสถูกสร้างขึ้นมาเพื่อควบคุมประชากร
สื่อจีนก็หยิบเรื่องที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดมาเป็นหัวข้อประโคมข่าวความล้มเหลวของระบอบประชาธิปไตย แสดงให้เห็นว่าระบอบสังคมนิยมของจีนนั้นเหนือกว่า แม้ว่าจะมีชาวจีนที่รายงานข่าวอู่ฮั่นและวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลจีนหลายสิบคนถูกตำรวจจับกุม หลายคนถูกอุ้มหายตัวไปตลอดกาลก็ตาม
Nanfu Wang เล่าเรื่องได้อย่างน่าติดตาม เธอแทรกสอดประสบการณ์ส่วนตัวลงไป ทำให้ตัวเธอเป็นส่วนหนึ่งของสารคดีเรื่องนี้ด้วย การตัดต่อทำได้ดี คุณภาพของภาพมีขึ้นลงตามต้นฉบับที่ได้รับมา ซึ่งก็เป็นปกติของสารคดี โดยเฉพาะเรื่องที่ตัวผู้กำกับไม่ได้เป็นคนถ่ายเองทั้งหมด ส่วนที่ไม่ค่อยชอบก็คงเป็นฉากที่ถ่ายผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่ดูมากเกินความจำเป็นไปนิด
IN THE SAME BREATH ฉายรอบปฐมทัศน์ที่งาน Sundance Film Festival วันที่ 28 มกราคม 2021 และเปิดฉายในโรงภาพยนตร์แบบจำกัดในสหรัฐอเมริกาวันที่ 12 สิงหาคม 2021 ก่อนที่บริษัท HBO เจ้าของลิขสิทธิ์จะปล่อยสตรีมมิงให้กับสมาชิก HBO Max ตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2021
นอกจากนี้ในเว็บของ HBO ยังมี photo essays แกลอรีภาพถ่ายของ Geloy Concepcion, Ha’a Keaulana, Cindy Trinh และ Tristan Zhou ให้ชมอีกด้วย