Clifford The Big Red Dog
Walt Becker
(2021)
ภาพยนตร์ดัดแปลงจากซีรีย์หนังสือสำหรับเด็กชื่อ Clifford The Big Red Dog ผลงานของ Norman Bridwell นักเขียน/นักวาดการ์ตูนชาวอเมริกัน ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1963 จนถึงปี 2015 ทั้งหมด 80 เล่ม นอกจากนี้ยังเคยถูกสร้างเป็นซีรีย์โทรทัศน์มาแล้ว 3 ครั้งคือ Clifford the Big Red Dog ในปี 2000 (66 ตอน), Clifford’s Puppy Days ในปี 2003 (39 ตอน) และในปี 2019 (39 ตอน)
เรื่องราวของลูกสุนัขสีแดงที่ครอบครัวถูกเทศบาลจับตัวไปเนื่องจากเป็นสุนัขจรจัด น่าแปลกใจว่าครอบครัวของมันเป็นสุนัขธรรมดาทั้งหมด มีเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่มีขนสีแดง เมื่อลูกสุนัขรู้สึกหิวจึงลอดออกมาจากโกดังที่ซ่อนตัว เดินโต๋เต๋ไปตามถนนจนพบกับชายปริศนาที่พาตัวลูกสุนัขไปเลี้ยง
Emily-Elizabeth Howard (Darby Camp) เด็กสาววัย 12 ปีอาศัยอยู่กับ Maggie (Sienna Guillory) แม่ของเธอที่ทำงานเป็นผู้ช่วยทนาย เธอไม่สามารถปรับตัวเข้ากับเพื่อนที่โรงเรียนใหม่ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนชั้นสูงในนิวยอร์ก ทำให้เราแปลกใจว่าแม่ของเธอซึ่งเป็นคนอังกฤษทำงานได้เงินเดือนเท่าไหร่ จึงจะสามารถเช่าอพาร์ทเมนต์ที่มีพื้นที่ใหญ่โตขนาดนี้ในแมนแฮตตัน และยังสามารถส่งลูกสาว (ที่รับบทโดยคนอเมริกัน) เข้าโรงเรียนเอกชนที่มีแต่ลูกคนรวยไปเรียน
Maggie จำเป็นต้องเดินทางไปทำงานต่างเมืองเป็นเวลาหลายวัน เธอจึงขอให้ Casey (Jack Whitehall) น้องชายของเธอที่เป็นคนไร้ความผิดชอบมาช่วยดูแล Emily ระหว่างที่เธอไม่อยู่ วันถัดมาระหว่างที่ Casey กำลังเดินไปส่ง Emily ที่โรงเรียน ก็ได้พบกับเต็นท์แสดงสัตว์ที่ได้รับการช่วยเหลือของ Bridwell (John Cleese) ภายในเต็นท์ Emily ก็ได้พบกับลูกสุนัขสีแดงซึ่งเธออยากได้มาเลี้ยงที่บ้าน แต่อพาร์ทเมนต์ของเธอมีกฏห้ามเลี้ยงสัตว์โดยเด็ดขาด Casey ไม่ต้องการให้เกิดปัญหาจึงไม่ยอมให้ Emily พาลูกสุนัขกลับไปด้วย
ในเย็นวันนั้นเมื่อ Emily กลับมาถึงห้องพักก็พบว่ามีลูกสุนัขสีแดงอยู่ในเป้ของเธอ Casey คิดว่า Emily แอบพาลูกสุนัขกลับมาทั้งที่เขาสั่งห้ามแล้ว สุดท้ายเขาก็ยอมให้ลูกสุนัขอาศัยอยู่ด้วย 1 คืนและตั้งใจที่จะนำกลับไปคืนในวันรุ่งขึ้น Emily ตั้งชื่อให้ลูกสุนัขสีแดงว่า Clifford แต่ในตอนเช้าวันถัดมาพวกเขากลับพบว่า Clifford กลายเป็นลูกสุนัขขนาดยักษ์ อีกทั้ง Bridwell ก็หายตัวไปพร้อมกับเต็นท์ของเขา พวกเขาจึงพา Clifford ไปพบสัตวแพทย์ซึ่งระหว่างทางก็เจอผู้คนเข้ามาถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอของลูกสุนัขตัวมหึมาด้วยความประหลาดใจและชื่นชมในความน่ารักของมัน
ภาพของ Clifford ถูกปล่อยลงโซเชียลเน็ตเวิร์กจนไปถึง Zack Tieran (Tony Hale) เจ้าของบริษัท Lyfegro ที่กำลังประสบปัญหาในการสร้างสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่จะช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนอาหารของมนุษย์ในอนาคต เขาคิดว่า Clifford คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยบริษัทของเขาไว้ได้จึงคิดจะชิงตัว Clifford มาทำการทดลอง
ปัญหาของภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ที่การเขียนบทที่พยายามยัดเหตุผลว่าทำไม Clifford ถึงตัวใหญ่โตเป็นลูกหมายักษ์ แต่กลับทำให้เรางงยิ่งขึ้นว่า Clifford ตัวโตเพราะ Emily รักมันมาก (ลูกสุนัขที่เพิ่งเจอกันแค่ 1 คืน) หรือ Bridwell เป็นพ่อมดที่มีพลังวิเศษ (จากคำบอกเล่าของนางพยาบาลในคลินิกสัตว์) แต่เราก็ไม่ได้เห็นพลังพิเศษใดๆ ของ Bridwell นอกจากทริคในช่วงสุดท้ายของเรื่อง อีกทั้งเขาก็ไม่สามารถทำให้ Clifford คืนสภาพเดิมได้
ทุกคนในเมืองไม่มีทีท่าแตกตื่นตกใจเมื่อเห็นลูกหมายักษ์ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสุนัข ดังนั้นทุกคนในเรื่องจึงต้องรักสุนัขตัวนี้ด้วยแม้ว่าตัวมันจะใหญ่กว่ารถยนต์ การพยายามใส่เรื่องที่ตัวเอกของเรื่องถูกข่มเหงรังแกเพราะเธอแตกต่าง (ซึ่งก็ยังไม่แน่ใจว่าเธอแตกต่างจากเด็กคนอื่นยังไง นอกจากเป็นเด็กอเมริกันที่แสดงเป็นลูกคนอังกฤษ) เพื่อที่ตอนจบจะได้มีบทพูดสวยๆ ว่าทุกคนควรยอมรับความแตกต่างและอยู่ร่วมกันด้วยความรัก! ตัวร้ายก็เหมือนหลุดมาจากอดีตเมื่อ 20 ปีก่อน ไม่มีอะไรที่น่าจดจำเลย นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องครอบครัวที่แท้จริงของ Clifford ที่ถูกเทศบาลจับตัวไปตอนต้นเรื่องแล้วก็ไม่มีการเอ่ยถึงอีกเลยจนจบเรื่องที่ยาวเพียง 90 นาทีแต่กลับรู้สึกว่ายาวเกินไป! ภาพยนตร์เรื่องนี้ควรได้ 1 ดาวแต่ยอมบวกให้อีกหนึ่งเพราะออกแบบลูกหมาสีแดงได้น่ารักดี
Clifford the Big Red Dog เปิดฉายในโรงภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกาวันที่ 10 พฤศจิกายน 2021 พร้อมกับปล่อยสตรีมมิงบนแพลตฟอร์มของ Paramount+ ในวันเดียวกัน ส่วนในประเทศไทย “คลิฟฟอร์ด หมายักษ์สีแดง” มีกำหนดเข้าฉายวันที่ 6 มกราคม 2022