CAFÉ DE FLORE
RENDEZ-VOUS À SAINT-GERMAIN-DES-PRÉS
Various Artists
(2002)
ปกติผมไม่ค่อยซื้อแผ่นอัลบัมเพลงรวม (compilation) สักเท่าไหร่นัก เนื่องจากนิยมฟังอัลบัมของศิลปินเป็นคนไปมากกว่า มันได้อารมณ์ของการเรียบเรียง กว่าอัลบัมที่มีคนเอามาจับยำรวมกัน แต่ถ้าจะพูดถึงอัลบัมเพลงรวม ผมยกให้อัลบัม Café de flore Rendez-vous à saint-germain-des-prés อยู่อันดับหนึ่งในใจเลย
หลายคนพอได้ยินชื่ออัลบัมขึ้นว่า Café ก็อาจนึกไปว่าเป็นพวกเพลงแนว chill out แบบ Café del Mar ที่โด่งดังและได้ยินกันบ่อย แต่ Café de flore นี้ไม่ได้เป็นเพลงแนวนั้น หากแต่เป็นเพลงแนวที่เรียกว่า Nu Jazz เป็นดนตรีฝรั่งเศสที่ผสมผสานเอาความเป็น jazz แบบเบาๆ ผสมกับกลิ่นของดนตรีละตินนิดหน่อย ให้เข้ากันอย่างพอเหมาะกลมกล่อมพอดี
Café de flore เป็นอัลบัมรวมเพลงช่วงเวลารวมกว่า 50 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 1950 มาจนถึงปี 2002 ได้อย่างลงตัวมาก ตัวชื่ออัลบัมนั้นก็มาจาก café ที่มีชื่อเสียงดังตั้งอยู่ในนคร Paris ตัว package เป็นแบบ digipack ที่ถูกออกแบบมาอย่างดี เรียกได้ว่านอกจากเพลงจะดีแล้ว แพคเกจยังสวยงาม
เพลงที่นำมารวมอยู่ในอัลบัม ก็เป็นเพลงที่ออกแนวโรแมนติกและลุ่มลึก ในแบบฝรั่งเศส ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงของนักร้องคุณภาพในสมัยยุค 50s – 70s อย่าง Serge Gainsbourg, Brigitte Bardot, Nana Mouskouri, Nicoletta, Eartha Kitt, Anna Karina, และ Nina Simone หรือแม้แต่นักร้องใหม่ ๆ อย่าง paris combo และ Diana Krall ก็ถูกนำมาผสมรวมกันอย่างกลมกลืน
เพลงในอัลบัมนี้ส่วนใหญ่ จะมีท่องทำนองที่คุ้นหู ราวกับว่ามันฝังอยู่ในส่วนลึกของอารมณ์ อาจเป็นได้ว่าเพลงเล่านี้ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยทำนองที่เป็นเอกลักษณ์ จนถูกนำไปประกอบในสื่อต่าง ๆ และซึมซาบเข้ามาโดยที่เราไม่รู้ตัว
เพลงในอัลบัมมีทั้งหมด 21 แทร็ค ถูกนำมาเรียงร้อยต่อกันอย่างดีเยี่ยม
ของ Lakasha (2002) เพลงเปิดอัลบัมนำพาผู้ฟังเข้าสู่ Café de flore แต่งโดย Alex Altain เพลงนี้มีการใช้แซมเพิ้ลทำนองจากเพลง Le cinema ให้อารมณ์แบบความมึนงง มีเสียงกีตาร์ไฟฟ้าผสานกับเสียงร้องที่ฟังดูล่องลอย ในช่วงท้ายจะมีเสียงแซกโซโฟนเข้ามาร่วมด้วย ให้ความรู้สึกสมกับชื่อเพลงจริงๆ
ของ paris combo หยิบมาจากอัลบัม living-room (1999) เป็นเพลงฟังครั้งแรกก็ติดหูทันที จังหวะออกแนวละตินด้วยเสียงกลองตัดกับเสียงร้อง โดยเฉพาะช่วงที่ร้องเป็นทำนองว่า tum ta be dum ta be dum ta be dum tum
นำมาจากอัลบัม N°4 (1962) ของ Serge Gainsbourg เสียงนุ่มลึกให้ความรู้สึกแบบ jazz ผสานกับเสียงเชลโลและเครื่องเป่า
เวอร์ชันของ Diana Krall นำมาจากอัลบัม The Look of Love (2001) สำหรับเสียงคนนนี้คงไม่ต้องพูดอะไรกันมาก ทุกคนคงจะทราบกันอยู่แล้ว
เวอร์ชันของ Yuri Buenaventura ที่หยิบเอาเพลงของ Serge Gainsbourg มาึคัฟเวอร์สำหรับอัลบัมนี้โดยเฉพาะ ให้อารมณ์แบบละติน เป็นเพลงเก่าที่ฟังกี่ครั้งก็มีความสุข
ขับร้องโดย Anna Karina หยิบมาจากอัลบัม Une histoire d’amour (2000) เพลงจังหวะน่ารัก ด้วยจังหวะ เสียงร้อง และเสียงเคาะต่อกแต่ก!
ของ Néry จากอัลบัม La vie c’est de la viende qul pense… (1999) เข้าสู่ทำนองเนือยเอื่อย และเสียงพูดทุ้ม เสียงหวานของไวโอลิน และเสียงกีต้าร์ไฟฟ้า ประกอบกับเสียง background ที่เป็นเหมือนเสียงรินเหล้าลงในแก้ว
ของ Nicoletta หยิบมาจากอัลบัม 30 ans de passion (1969) อารมณ์เพลงที่สื่อถึงการไขว่คว้า หรือรอคอยบางสิ่ง เป็นเพลงช้าที่เพราะมากอีกอีกเพลง
โดย Lakasha เป็น interlude ที่ฟังดูเหมือนความยุ่งเหยิง ในช่วงเวลาเย็นที่มีคนพลุกพล่าน
ขับร้องโดย Eartha kitt หยิบมาจากอัลบัม Eagle Masters (1958) ทำนอง jazz กับเสียงอันไพเราะ เพลงนี้จะมีช่วงที่เป็นภาษาอังกฤษด้วยหนึ่งท่อน
โดย Chet (2001) เปิดมาด้วยเสียงของหญิงสาวฮัมทำนองเพลง สักพักก็ตัดเข้าเสียงร้องของผู้ชาย ทำนอกเพลงฟังดูแปลกแต่ก็เพราะไปอีกแบบ
ของ Brigitte Bardot จากอัลบัม Bubble Gum (1965) เสียงร้องตามสไตล์ Bardot เข้ากับท่วงทำนอง เสียงเปียโน และแซกโซโฟน jazzy มาก
ของ Julien Baer จากอัลบัม Julien Baer (1997) เพลงสั้น ที่มีช่วงที่เน้นเสียง violin ได้อารมน์ยอดเยี่ยมมาก
โดย Isabelle Aubret นำมาจากอัลบัม Collection chanson française (1963) ช่วงแรกเป็นทำนองช้า เนิบนาบ หลังจากนั้นก็เข้าสู้จังหวะดนตรีที่หนักแน่น
โดย Nana Mouskouri และ Michel Legrand หยิบมาจากอัลบัม Le meilleur de michel legrand (1965) เพลง duet เพลงเดียวในอัลบัมนี้ การร้องคู่ของ Nana และ Michel นั้นไพเราะไร้ที่ติ เป็นเพลงที่ฟังแล้วได้อารมณ์สุขสนุกสนาน
ของ Nina Simone (1965) เพลงนี้ชอบมาก tomorrow is my turn, no more doubt no more fear!
ของ Lakasha (2002) เพลงนี้จังหวะคล้ายกับเพลงแรก ให้ความรู้สึกแออัดเสียงอึกทึกคนพูดคุย
โดย Blossom Dearie หยิบมาจากอัลบัม Give Him the Ooh-la-la (1957) เป็นเพลงที่ทั้งจังหวะ ทำนอง เสียงร้อง น่ารักมาก
เวอร์ชันคัฟเวอร์โดน Nico หยิบมาจากอัลบัม Le cinéma de searge gainsbourg – Musique de films 1959/1990 (2001) เป็นอีกเพลงของ Gainsbourg ที่เอามาคัฟเวอร์ได้อย่างไพเราะ
โดย Marc Gauvin หยิบมาจากอัลบัม La femme légère (2001) เพลงนี้เป็นเพลงโปรด ทั้งเสียงร้อง ทำนอง คอรัส
โดย Lakasha (2001) เป็น instrumental track และเป็นเพลงสุดท้าย ปิดอัลบัมได้อย่างสวยงาม
เหมาะอย่างยิ่งกับบรรยากาศช่วงนี้
เคยเห็นอีกปกหนึ่งที่เว็บไหนสักแห่ง แต่ปกนี้สวยกว่าแฮะ