Latest

Café de flore

Rendez-vous à saint-germain-des-prés

Café de flore

3000 1668 PRADT
3-MINUTE READ

Café de flore Rendez-vous à saint-germain-des-prés
2002 | Various Artists
★★★★★

ปกติผมไม่ค่อยซื้อแผ่นอัลบัมเพลงรวม (compilation) สักเท่าไหร่นัก เนื่องจากนิยมฟังอัลบัมของศิลปินเป็นคนไปมากกว่า มันได้อารมณ์ของการเรียบเรียง กว่าอัลบัมที่มีคนเอามาจับยำรวมกัน แต่ถ้าจะพูดถึงอัลบัมเพลงรวม ผมยกให้อัลบัม Café de flore Rendez-vous à saint-germain-des-prés อยู่อันดับหนึ่งในใจเลย

หลายคนพอได้ยินชื่ออัลบัมขึ้นว่า Café ก็อาจนึกไปว่าเป็นพวกเพลงแนว chill out แบบ Café del Mar ที่โด่งดังและได้ยินกันบ่อย แต่ Café de flore นี้ไม่ได้เป็นเพลงแนวนั้น หากแต่เป็นเพลงแนวที่เรียกว่า Nu Jazz เป็นดนตรีฝรั่งเศสที่ผสมผสานเอาความเป็น jazz แบบเบาๆ ผสมกับกลิ่นของดนตรีละตินนิดหน่อย ให้เข้ากันอย่างพอเหมาะกลมกล่อมพอดี

Café de flore เป็นอัลบัมรวมเพลงช่วงเวลารวมกว่า 50 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 1950 มาจนถึงปี 2002 ได้อย่างลงตัวมาก ตัวชื่ออัลบัมนั้นก็มาจาก café ที่มีชื่อเสียงดังตั้งอยู่ในนคร Paris ตัว package เป็นแบบ digipack ที่ถูกออกแบบมาอย่างดี เรียกได้ว่านอกจากเพลงจะดีแล้ว แพคเกจยังสวยงาม

เพลงที่นำมารวมอยู่ในอัลบัม ก็เป็นเพลงที่ออกแนวโรแมนติกและลุ่มลึก ในแบบฝรั่งเศส ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงของนักร้องคุณภาพในสมัยยุค 50s – 70s อย่าง Serge Gainsbourg, Brigitte Bardot, Nana Mouskouri, Nicoletta, Eartha Kitt, Anna Karina, และ Nina Simone หรือแม้แต่นักร้องใหม่ ๆ อย่าง paris combo และ Diana Krall ก็ถูกนำมาผสมรวมกันอย่างกลมกลืน

เพลงในอัลบัมนี้ส่วนใหญ่ จะมีท่องทำนองที่คุ้นหู ราวกับว่ามันฝังอยู่ในส่วนลึกของอารมณ์ อาจเป็นได้ว่าเพลงเล่านี้ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยทำนองที่เป็นเอกลักษณ์ จนถูกนำไปประกอบในสื่อต่าง ๆ และซึมซาบเข้ามาโดยที่เราไม่รู้ตัว

เพลงในอัลบัมมีทั้งหมด 21 แทร็ค ถูกนำมาเรียงร้อยต่อกันอย่างดีเยี่ยม

I Feel Blue

ของ Lakasha (2002) เพลงเปิดอัลบัมนำพาผู้ฟังเข้าสู่ Café de flore แต่งโดย Alex Altain เพลงนี้มีการใช้แซมเพิ้ลทำนองจากเพลง Le cinema ให้อารมณ์แบบความมึนงง มีเสียงกีตาร์ไฟฟ้าผสานกับเสียงร้องที่ฟังดูล่องลอย ในช่วงท้ายจะมีเสียงแซกโซโฟนเข้ามาร่วมด้วย ให้ความรู้สึกสมกับชื่อเพลงจริงๆ

Señor

ของ paris combo หยิบมาจากอัลบัม living-room (1999) เป็นเพลงฟังครั้งแรกก็ติดหูทันที จังหวะออกแนวละตินด้วยเสียงกลองตัดกับเสียงร้อง โดยเฉพาะช่วงที่ร้องเป็นทำนองว่า tum ta be dum ta be dum ta be dum tum

play_circle_filled
pause_circle_filled
Señor
volume_down
volume_up
volume_off
Black Trombone

นำมาจากอัลบัม N°4 (1962) ของ Serge Gainsbourg เสียงนุ่มลึกให้ความรู้สึกแบบ jazz ผสานกับเสียงเชลโลและเครื่องเป่า

Besame Mucho

เวอร์ชันของ Diana Krall นำมาจากอัลบัม The Look of Love (2001) สำหรับเสียงคนนนี้คงไม่ต้องพูดอะไรกันมาก ทุกคนคงจะทราบกันอยู่แล้ว

L’eau à la bouche

เวอร์ชันของ Yuri Buenaventura ที่หยิบเอาเพลงของ Serge Gainsbourg มาึคัฟเวอร์สำหรับอัลบัมนี้โดยเฉพาะ ให้อารมณ์แบบละติน เป็นเพลงเก่าที่ฟังกี่ครั้งก็มีความสุข

Petite Lola

ขับร้องโดย Anna Karina หยิบมาจากอัลบัม Une histoire d’amour (2000) เพลงจังหวะน่ารัก ด้วยจังหวะ เสียงร้อง และเสียงเคาะต่อกแต่ก!

Les amants

ของ Néry จากอัลบัม La vie c’est de la viende qul pense… (1999) เข้าสู่ทำนองเนือยเอื่อย และเสียงพูดทุ้ม เสียงหวานของไวโอลิน และเสียงกีต้าร์ไฟฟ้า ประกอบกับเสียง background ที่เป็นเหมือนเสียงรินเหล้าลงในแก้ว

Où es-tu passé mon saint-germain-des-prés?

ของ Nicoletta หยิบมาจากอัลบัม 30 ans de passion (1969) อารมณ์เพลงที่สื่อถึงการไขว่คว้า หรือรอคอยบางสิ่ง เป็นเพลงช้าที่เพราะมากอีกอีกเพลง

5 PM at Café de flore

โดย Lakasha เป็น interlude ที่ฟังดูเหมือนความยุ่งเหยิง ในช่วงเวลาเย็นที่มีคนพลุกพล่าน

Je cherche un home

ขับร้องโดย Eartha kitt หยิบมาจากอัลบัม Eagle Masters (1958) ทำนอง jazz กับเสียงอันไพเราะ เพลงนี้จะมีช่วงที่เป็นภาษาอังกฤษด้วยหนึ่งท่อน

Ainsi soit-elle

โดย Chet (2001) เปิดมาด้วยเสียงของหญิงสาวฮัมทำนองเพลง สักพักก็ตัดเข้าเสียงร้องของผู้ชาย ทำนอกเพลงฟังดูแปลกแต่ก็เพราะไปอีกแบบ

Les hommes endormis

ของ Brigitte Bardot จากอัลบัม Bubble Gum (1965) เสียงร้องตามสไตล์ Bardot เข้ากับท่วงทำนอง เสียงเปียโน และแซกโซโฟน jazzy มาก

La folie douce

ของ Julien Baer จากอัลบัม Julien Baer (1997) เพลงสั้น ที่มีช่วงที่เน้นเสียง violin ได้อารมน์ยอดเยี่ยมมาก

Il n’y a plus d’abonné au numéro que vous avez demandé

โดย Isabelle Aubret นำมาจากอัลบัม Collection chanson française (1963) ช่วงแรกเป็นทำนองช้า เนิบนาบ หลังจากนั้นก็เข้าสู้จังหวะดนตรีที่หนักแน่น

Quand on s’aime

โดย Nana Mouskouri และ Michel Legrand หยิบมาจากอัลบัม Le meilleur de michel legrand (1965) เพลง duet เพลงเดียวในอัลบัมนี้ การร้องคู่ของ Nana และ Michel นั้นไพเราะไร้ที่ติ เป็นเพลงที่ฟังแล้วได้อารมณ์สุขสนุกสนาน

Tomorrow is My Turn

ของ Nina Simone (1965) เพลงนี้ชอบมาก tomorrow is my turn, no more doubt no more fear!

play_circle_filled
pause_circle_filled
Tomorrow is My Turn
volume_down
volume_up
volume_off
About love in Saint-germain-des-prés

ของ Lakasha (2002) เพลงนี้จังหวะคล้ายกับเพลงแรก ให้ความรู้สึกแออัดเสียงอึกทึกคนพูดคุย

Plus je t’embrasse

โดย Blossom Dearie หยิบมาจากอัลบัม Give Him the Ooh-la-la (1957) เป็นเพลงที่ทั้งจังหวะ ทำนอง เสียงร้อง น่ารักมาก

play_circle_filled
pause_circle_filled
Plus je t'embrasse
volume_down
volume_up
volume_off
Strip Tease

เวอร์ชันคัฟเวอร์โดน Nico หยิบมาจากอัลบัม Le cinéma de searge gainsbourg – Musique de films 1959/1990 (2001) เป็นอีกเพลงของ Gainsbourg ที่เอามาคัฟเวอร์ได้อย่างไพเราะ

J’suis ton mec

โดย Marc Gauvin หยิบมาจากอัลบัม La femme légère (2001) เพลงนี้เป็นเพลงโปรด ทั้งเสียงร้อง ทำนอง คอรัส

Sormiou

โดย Lakasha (2001) เป็น instrumental track และเป็นเพลงสุดท้าย ปิดอัลบัมได้อย่างสวยงาม

THIS ARTICLE WAS FIRST PUBLISHED ON

 
To ensure the accuracy of the records, please contact via email
if any information requires correction or updating.

7 comments
  • เหมาะอย่างยิ่งกับบรรยากาศช่วงนี้ :)
    เคยเห็นอีกปกหนึ่งที่เว็บไหนสักแห่ง แต่ปกนี้สวยกว่าแฮะ

  • เป็นอัลบัมที่กลิ้งไปกลิ้งมาในร้านป้าโดเรมี ไม่่เคยตั้งใจฟังสักที

    ไว้ไปหาฟังแน่นๆ.

  • lol บังเอิญ บังเอิญ บังเอิญ
    เพราะชุดนี้เราชอบมาก ตอนเป็นครีเอทีพใหม่ๆ
    เพื่อนร่วมงานที่เป็นคนแปลกประหลาดเอามาปล่อย
    เป็นอีกแผ่นที่บอกความเป็นตัวตนเราได้ดีเลยล่ะ
    ตอนทำร้านกาแฟก็เปิดบ้าง เปิดบ่อยมากไม่ได้
    แต่ทุกทีที่เปิดมักมีคนถาม..ว่าเพลงใคร
    แผ่นหายไปตอนทำร้านกาแฟนี่แหล่ะ

    เพิ่มดาวไปอีกดวง ><! [oops]

  • แต่ก็มีเหมือนกันที่เปิดให้หลายคนฟัง
    แล้วเค้าอยากอ๊วกบ้าง เวียนหัวบ้าง
    ไม่เข้าใจ x 5

  • เป็นชื่อร้านกาแฟเก่าแก่ที่ชุมนุมนักคิดนักเขียนหัวก้าวหน้าในปารีสอย่าง Jean Paul Sartre เคยมานั่ง
    เพลงน่ารักดีค่ะ

  • คิกคิก
    กลับมาเอาข้อมูลไปเขียนหนังสือวุ๊ย

  • ดิฉันขออนุญาติลากหน้านี้ไปแปะไว้เป็นลิงค์ในบล็อคดิฉันน่ะค่ะ(ให้ลิงค์มาหน้านี้) เพราะดิฉันเขียนถึงอัลบั้มนี้เหมือนกัน มาเจอบล็อคนี้เพราะขี้เกียจสแกนหน้าปกแผ่นนี้(เพราะดำมาก [sick] ) เลยเสิร์ทหารูปปก..เลยมาเจอที่นี่ค่ะ

Email and website are NOT required
You can also reach me via Twitter

REPORT / REQUEST
REPORT / REQUEST