ภาพยนตร์สต็อปโมชั่นผลงานกำกับของ Richard Phelan และ Will Becher ซึ่งเป็นผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของพวกเขาอีกด้วย เรื่องนี้เป็นภาคต่อของ Shaun the Sheep Movie (2015)

มียานอวกาศลึกลับร่อนมาลงจอดที่ป่าข้างเมือง Mossingham โดยมีชายชราและสุนัขไปพบเข้าโดยบังเอิญ

จากนั้นที่ฟาร์ม Mossy Bottom ก็เริ่มมีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้น เมื่อพิซซ่า 3 กล่องที่ Shaun แอบสั่งมาด้วยคอมพิวเตอร์ของชาวนาหายไป เหลือแต่เพียงกล่องเปล่า

เช้าวันถัดมา Shaun ก็พบเศษขอบพิซซ่าที่เหลือ ตกอยู่บนพื้นดินเป็นแนวยาว เมื่อ Shaun ตามรอยเข้าไปก็พบกับมนุษย์ต่างดาวที่บอกว่าตัวเองชื่อ Lu-La

เรื่องราวของชายชรากับสุนัขที่ไปพบยานอวกาศ ก็กลายเป็นข่าวใหญ่ ชาวเมืองต่างตื่นเต้นกับการมาเยือนของมนุษย์ต่างดาว ระหว่างนั้น Shaun และ Lu-La ที่ใช้พลังพิเศษบังคับรถแทรคเตอร์จนเกิด crop circle ขึ้นมาในฟาร์ม ทำให้ชาวนาเกิดความคิดที่จะใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วยการสร้างธีมพาร์คในชื่อ Farmageddon เพื่อหลอกให้คนมาที่ฟาร์มและเก็บค่าเข้าชม

Shaun ช่วย Lu-La ออกเดินทางจากฟาร์มเพื่อกลับมาที่ยานอวกาศจนสำเร็จ แต่ไม่สามารถเดินเครื่องยานอวกาศได้ Lu-La จึงพยายามนึกว่าเขาเดินทางมาที่นี่ได้อย่างไร Lu-La ส่งภาพในความทรงจำให้กับ Shaun ทำให้รู้ความจริงว่า Lu-La เป็นเพียงแค่เด็กที่เล่นในยานอวกาศของพ่อกับแม่ แต่เกิดอุบัติเหตุทำให้ยานอวกาศเดินทางมาจอดที่โลก และการจะที่ทำให้ยานอวกาศทำงานได้อีกครั้ง จะต้องมีอุปกรณ์ที่รูปร่างเหมือนไข่​ซึ่งตอนนี้ได้หล่นหายไปแล้ว

Ministry of Alien Detection’s (M.A.D.) ค้นพบยานอวกาศในที่สุด และได้นำไปเก็บไว้ที่สำนักงานใหญ่โดยที่ไม่รู้ว่ามี Shaun และ Lu-La อยู่ภายในยานอวกาศ แต่ด้วยเหตุบังเอิญนี้ก็ทำให้ทั้งคู่รู้ว่าอุปกรณ์รูปไข่ที่เป็นเครื่องบังคับยานอวกาศถูกเก็บไว้ที่สำนักงานใหญ่ของ M.A.D. ทั้งคู่จึงต้องวางแผนเพื่อขโมยอุปกรณ์นั้นกลับมา

เนื้อเรื่องและการเดินเรื่องทำออกมาได้บันเทิงและลื่นไหลมาก แม้ว่าจะเป็นภาคต่อแต่คนที่ไม่ได้ดูภาคที่แล้วก็สามารถเข้าใจเนื้อเรื่องทั้งหมดได้เป็นอย่างดี

Richard Phelan ทำงานเป็นคนเขียนสตอรี่บอร์ดของซีรีย์โทรทัศน์ Shaun the Sheep มาตั้งแต่ปี 2012 และยังเป็นผู้ร่วมเขียนบทให้กับซีรีย์อีกหลายตอน ส่วน Will Becher ก็ทำงานเป็นอนิเมเตอร์ให้กับซีรีย์มาตั้งแต่ปี 2014 โดยก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานเป็นอนิเมเตอร์ให้กับ ParaNorman ภาพยนตร์สต็อปโมชั่นที่ฉายในปี 2012 — ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องยาวเรื่องแรกของทั้งคู่ ซึ่งสามารถถ่ายทอดภาพออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม สมกับที่ทำงานกับซีรีย์นี้มานาน

นับเป็นงานสต็อปโมชั่นที่แค่ได้ดูก็มีความสุขแล้ว แม้ว่าเนื้อเรื่องจะไม่ได้มีความแปลกใหม่ และผู้ชมก็อาจจรู้ล่วงหน้าแล้วว่ามันจะต้องจบแบบไหน แต่การได้เห็นการออกแบบตัวละครกับรายละเอียด ที่แต่ละเฟรมคือภาพถ่ายหนึ่งภาพที่นำมาเรียงร้อยต่อกันเป็นภาพยนตร์ความยาวเกือบ 90 นาที ก็ยังคงสร้างความตื่นตาตื่นใจได้เสมอ