ความสุขของกะทิ (The Happiness of Kati)
2008 | เจนไวยย์ ทองดีนอก
จากผลงานเขียน ความสุขของกะทิ ของคุณ งามพรรณ เวชชาชีวะ นวนิยายเรื่องสั้นรางวัลซีไรต์ ปี 2006 ยอดขายกว่าสองแสนเล่ม และได้มีการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ เพื่อจำหน่ายในหลายประเทศ อาทิ อเมริกา, ญี่ปุ่น, เกาหลี, เยอรมนี, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, สเปน, อีตาลี, ฝรั่งเศส ก็กลายมาเป็นภาพชีวิตเคลื่อนไหวอยู่บนแผ่นฟิล์ม ฉายแล้วในโรงภาพยนตร์
ความสุขของกะทิ เป็นเรื่องราวของสาวน้อยชื่อ กะทิ วัยประมาณเก้าขวบ ที่อาศัยอยู่กับตาและยายในบ้านริมคลองแถบชนบท ทั้งตาและยายไม่เคยพูดถึงเรื่องพ่อและแม่ของกะทิ จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอก็ได้รู้ความจริงบางอย่าง…
องค์ประกอบภาพ ถ่ายทำออกมาได้สวยงาม นักแสดงแต่ละคนก็ทำหน้าที่ได้อย่างสมบทบาท จะมีก็แต่ตัวละครเด็กบางคนในโรงเรียน ที่แสดงไม่ค่อยสมจริงเท่าไหร่นัก รู้สึกว่าผู้กำกับภาพจะชอบมุมกล้องถ่ายเลื่อนแล้วมีอะไรมาบัง เช่นประตู ผนัง หน้าต่าง (สังเกตว่าใช้หลายครั้ง) การเดินเรื่องค่อนข้างเนิบนาบ ยิ่งช่วงกลางถึงปลายดูแล้วง่วงมาก ด้านการเขียนบทยังไม่ดีนัก หลายฉากใช้การเล่นกับอารมณ์ความรู้สึก โดยไม่มีบทพูด แต่พอดูแล้วกลับรู้สึกแปลก (ตอนแรกนึกว่าแม่ของกะทิเป็นใบ้)
ถ้าจะให้เทียบกับหนังสือแล้ว ต้องขอบอกว่ายังห่างชั้นกันอีกมาก เนื่องจากในหนังสือจะเป็นการเล่าเรื่องพรรณนา โดยไม่ค่อยมีบทพูดมากนัก แต่ในหนังจะให้มามีเสียงความคิดลอยมาเรื่อย ๆ ก็ดูจะไม่เหมาะ แต่การปล่อยเงียบไว้ ก็ไม่ได้ทำให้คนดูเข้าใจเนื้อความเหล่านั้นแต่อย่างใด โดยเฉพาะคนดูที่ไม่ได้อ่านหนังสือมาก่อน …ฉากที่ชอบมากคือฉากกะทิตื่นนอนตอนต้นเรื่อง และฉากสุดท้าย น้องที่แสดงเป็นกะทิแสดงได้ดูเป็นธรรมชาติดี อ้อ เพลง “ดีใจที่มีเธอ” ไพเราะมาก!
ฉันดีใจที่มีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ
เธอคือกำลังใจเดียวที่มี ไม่ว่านาทีไหนไหน
ฉันดีใจที่มีเธอ แม้ว่าต้องพบอะไร
ฉันก็รู้และฉันอุ่นใจ ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่ตรงนี้…
เป็นอีกเรื่องที่น่าเสียดายในรอบต้นปีคับ
เราชอบฉากที่น้องกะทิสะดุดล้มที่ชายหาด ร้องไห้ เห็นม้าอยู่ข้างหน้า แล้วก็หยุดร้องไห้ คือเราชอบการปรากฏตัวของม้าในภาพยนตร์น่ะ มันเท่ห์ดี
ps.
เราเพิ่งเข้าใจนะ
ว่าการถ่ายภาพแบบเลื่อนๆ ในเรื่อง “ความสุขของกะทิ” ทำให้เรานึกถึงเรื่อง “Toni Takitani” ของผู้กำกับญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นของมุราคามิ แต่จากเรื่อง “Toni ฯ” คือเราเห็นแล้วเก็ตเลยว่าทำไมต้องถ่ายแบบนั้น คือเขาถ่ายให้เห็นภาพมันจะเลื่อนจากขวาไปซ้าย เลียนแบบวิธีการอ่านหนังสือของญี่ปุ่น (หรือซ้ายไปขวานี่ล่ะ) เหมือนเรากำลังอ่านเรื่องสั้นของคุณลุงมุราฯ แกจริงๆ แล้วเรื่อง “Toniฯ” มันก็ดีมาก เล่าเรื่องดี ภาพดี นักแสดงดี สมบูรณ์ในความรู้สึกของเรา
ทุกอย่างเป็นประสบการณ์ของผู้กำกับ รอดูเรื่องหน้าของคุณเจนไวยย์คับ.