TRANSFORMERS
DARK OF THE MOON
Michael Bay
2011
กลับมาอีกครั้งในภาค3 ของภาพยนตร์ live-action หุ่นยนต์ถล่มจักรวาล ภาคนี้โยงเรื่องราวเข้ากับช่วงล่มสลายของดาว Cybertron ที่มียานอวกาศลำหนึ่งบรรทุกสิ่งประดิษฐ์ ที่เชื่อว่าจะสามารถหยุดยั้งสงครามระหว่่าง Autobots และ Decepticons ได้ เคลื่อนตัวหนีออกมาจาก Cybertron แต่ทว่าเกิดความซวยซัด โดนยิงถล่มจนเสียหายยับเยิน แต่ก็ยังถ่อสังขารบินมาตกที่ดวงจันทร์ในปี 1961 ซึ่งในขณะนั้นองค์การ NASA ได้จับความผิดปกติของดวงจันทร์ได้ จึงเป็นที่มาของโครงการ Apollo 11 ที่สร้างขึ้นมาเพื่อพามนุษย์ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ได้ในปี 1969 และแน่นอนว่ามีมิชชั่นลับคือ การสำรวจสิ่งผิดปกติบนดวงจันทร์
งานเอฟเฟคยังคงอลังการในแบบของคุณ Michael Bay มีหุ่นยนต์หน้าตาใหม่ๆ มากมายในฝ่ายของ Decepticons ที่ดูจะพาวเออร์อัพขึ้นทุกภาค ภาคนี้มีหนอนยักษ์กับยานอวกาศด้วย ส่วนฝ่าย Autobots ก็ยังคงง่อย บินยังไม่ได้เหมือนเดิม (ตัวที่บินได้คือ Optimus Prime เท่านั้น แต่เก็บปีกไว้ในตู้เทรลเลอร์ พอตู้เทรลเลอร์หลุดไปก็บินไม่ได้…)
นางเอกใหม่ ชื่อแสนยาว Rosie Huntington-Whiteley ที่มาแทน Megan Fox (ซึ่งถอนตัวไปเนื่องจากเธอบอกว่า Michael Bay บังคับให้เธอทำผิวสีแทน เธอกลัวจะเป็นมะเร็งผิวหนังตายก่อนวัยอันควร) ก็แสดงได้สมเป็นนางแบบ Victoria’s Secret จริง เธอมีความสามารถพิเศษในการใส่ส้นสูงวิ่งหนีหุ่นยนต์ยักษ์ต่างๆ อีกทั้งเสื้อผ้าหน้าผมก็เนี้ยบตลอดทั้งเรื่อง คาดว่าเธอคงมีสไตลิสท์วิ่งตามไปด้วย แต่ไม่ได้อยู่ในกล้อง นับเป็นความบันเทิงใหม่ใน Transformers โดยเฉพาะฉากที่เธอมอง Megatron ข้างตึก กล้องก็แพนออกให้เห็นผมปลิวไสว หน้านิ่งเฉย ยืนโพสท่าราวกับกำลังถ่ายปกหนังสือ น่าจะเป็นฉากหนึ่งที่แสดงถึงความเป็นมืออาชีพของเธอ (ส่วนคนดูก็อาจจะฉงนสงสัย อาห์ ฉากนี่คืออะไรกันนะ) คงต้องบอกว่า Michael Bay เป็นผู้กำกับที่เข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงอย่างแท้จริง ว่าต้องสวยในทุกสถานการณ์
โดยรวมก็ตอบโจทย์ความฝันของเด็กผู้ชายมากมาย ที่ชอบการ์ตูนหุ่นยนต์ที่ถูกเนรมิตออกมาได้ราวกับของจริงในภาพยนตร์ ฉากต่อสู้ฟาดฟัน ระเบิดวินาศสันตะโร เมืองถล่มตึกทลาย จะมีอะไรที่เราต้องการไปมากกว่านี้?
น่าเสียดายที่ Megatron ตายแล้วในภาคนี้ ซึ่งหมายความว่าอาจจะไม่มีภาคต่อไป หรือไม่เขาก็อาจจะสร้างตัวร้ายตัวใหม่ออกมาได้อีก จากรายรับที่ถล่มทลาย กวาดไปกว่า 679 ล้านเหรียญทั่วโลก (งบสร้าง 195 ล้านเหรียญ) แม้ว่านักวิจารณ์ส่วนใหญ่ต่างไม่ชอบ แต่ Michael Bay ก็ทำให้เห็นอีกแล้วว่าหนังที่ขายได้ มันไม่จำเป็นต้องเป็นหนังที่นักวิจารณ์ชม