THE BLACK PHONE
Scott Derrickson
(2022)
ช่วงปี 1978 ณ แถบชานเมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด เกิดเหตุการณ์เด็กหายตัวไปอย่างปริศนา โดยไม่มีการติดต่อจากคนร้าย ไม่มีการเรียกร้องค่าไถ่ ไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับคนร้ายที่ทางตำรวจและนักข่าวตั้งสมญานามให้ว่า The Grabber
Gwen (Madeleine McGraw) น้องสาวของ Finney (Mason Thames) เป็นผู้มีญาณวิเศษเหมือนกับแม่ที่เสียไปแล้วของเธอ เธอเล่าเรื่องความฝันให้กับ Amy น้องสาวของ Bruce (Tristan Pravong) ที่หายตัวไป ตำรวจจึงเดินทางมาสอบปากคำเกี่ยวกับรายละเอียดในความฝัน ที่เธออ้างว่าเห็นรถตู้กับลูกโป่งสีดำ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ทางตำรวจไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณชน
ในเวลาต่อมาคนร้ายก็ลักพาตัว Robin (Miguel Cazarez Mora) ไป — Finney ขอร้อง Gwen ให้ช่วงใช้พลังพิเศษของเธอตามหาเพื่อนของเขา แต่ Gwen ไม่สามารถควบคุมบังคับพลังพิเศษของเธอได้ตามใจชอบ เธอจึงไม่สามารถทำตามความต้องการของพี่ชาย
วันถัดมา Finney ก็ตกเป็นเหยื่อลักพาตัว เขาหลงกลคนร้ายซึ่งมาดักรอ ทำทีเป็นชาวบ้านที่บังเอิญทำข้าวของหล่นเกลื่อนกลาด — คนร้ายนำตัวเขาไปขังไว้ในห้องใต้ดินขนาดใหญ่ ภายในห้องนั้นมีเพียงฟูกและโทรศัพท์สีดำที่ใช้งานไม่ได้อยู่หนึ่งเครื่อง
แต่โทรศัพท์ที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับเครือข่ายก็ดังขึ้น เสียงกระซิบปลายสายมาจากหนึ่งในเด็กที่ถูกลักพาตัวไปก่อนหน้า คนที่ไม่น่าจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว เสียงปลายสายบอกว่าเขาเคยพยายามโทรหาเด็กคนอื่นที่ถูกพาตัวมาที่นี่ แต่ Finney คือคนแรกที่สามารถสื่อสารกับเขาได้ และเตือนให้ Finney ระวังตัวไม่หลงกลไปติดกับดักเกมที่คนร้ายได้วางเอาไว้
ระหว่างนั้น Gwen ก็เริ่มฝันเห็นถึงเด็กคนอื่นที่โดนลักพาตัวไป ราวกับว่าพวกเขาพยายามจะบอกใบ้ให้เธอรู้ข้อมูลเกี่ยวกับคนร้ายตัวจริง ขณะที่ Finney ก็ต้องหาทางหนีด้วยคำแนะนำจากวิญญาณที่ได้ทิ้งบางสิ่งไว้ในห้องใต้ดินก่อนที่พวกเขาจะถูกฆ่า
THE BLACK PHONE เป็นภาพยนตร์ทริลเลอร์สยองขวัญที่เล่าเรื่องได้อย่างระทึกน่าติดตาม มันเป็นการสร้างบรรยากาศที่กดดันและค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้นมากขึ้นทีละนิดไปจนถึงจุดไคลแม็กซ์อันน่าประทับใจ ต้องชมงานเขียนบทและกำกับของ Scott Derrickson ผู้กำกับ DOCTOR STRANGE ที่กลับมาร่วมงานกับ Ethan Hawke อีกครั้งหลังจากที่เคยร่วมงานกันใน SINISTER เมื่อ 10 ปีก่อน!
Ethan Hawke สร้างสรรค์ตัวละครที่ดูมีความจิตวิปลาสได้อย่างยอดเยี่ยม ความน่าสะพรึงกลัวที่ผู้ชมไม่สามารถคาดเดาว่าเขาจะลงมือทำอะไรต่อไป อีกทั้งยังสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าและสื่อสารด้วยคำพูดราบเรียบผ่านแววตาและท่าทาง ซึ่งมันทำให้เขากลายเป็นตัวร้ายที่น่าจดจำ โดยไม่จำเป็นต้องมีภาพแฟลชแบ็คจากอดีตหรือคำอธิบายว่าเขาเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร เพราะบางทีสิ่งเหล่านั้นมันก็ไม่จำเป็นเลยสำหรับบทแนวนี้
Mason Thames ที่รับบทเป็น Finney ก็แสดงได้สมบทบาทดีมาก เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เดบิวของเขาด้วย ความสามารถระดับนี้น่าจะไปได้ไกล มีหลายมุมที่ดูคล้าย Brad Renfro เหลือเกิน
ส่วนที่ไม่ค่อยชอบก็คงเป็นฉาก jump scare ที่โผล่มาโดยไม่มีความจำเป็น (ฉากที่ตัวเอกไม่มองเห็นผี มีแค่ผู้ชมที่เห็น) และตอนจบที่ค่อนข้างแฮปปี้เอนดิ้งไปนิด คือแอบหวังว่ามันจะจบแนวโหดเหี้ยมแบบ X หรือทำอะไรที่มันเหนือกว่าไปอีกขั้น
THE BLACK PHONE ดัดแปลงจากเรื่องสั้นชื่อเดียวกัน ผลงานของ Joe Hill นักเขียนชาวอเมริกัน ซึ่งรวมอยู่ในหนังสือ 20th Century Ghosts ตีพิมพ์ครั้งแรกในเดือนตุลาคม 2005
THE BLACK PHONE ฉายรอบปฐมทัศน์ในงาน Fantastic Fest วันที่ 25 กันยายน 2021 และเข้าฉายในสหรัฐอเมริกาวันที่ 24 มิถุนายน 2022 ภายใต้ลิขสิทธิ์ของ Universal Pictures ซึ่งสามารถกวาดรายได้ไปกว่า 101 ล้านเหรียญสหรัฐจากทุนสร้างเพียง 18 ล้านเหรียญเท่านั้น ส่วนในประเทศไทยภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม โดยใช้ชื่อภาษาไทยว่า “สายหลอน ซ่อนวิญญาณ”
