RRR
S.S. Rajamouli
(2022)
ภาพยนตร์อินเดียแอคชันดรามาฟอร์มยักษ์ย้อนยุคกลับไปปี 1920 ผลงานของ S. S. Rajamouli ที่มีชื่อเสียงจากภาพยนตร์ BAAHUBALI โดยเรื่องนี้ใช้ทุนสร้างสูงถึง 72 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมากกว่าทุนสร้าง BAAHUBALI ทั้งสองภาครวมกันซะอีก
Scott (Ray Stevenson) ผู้ปกครองชาวอังกฤษเดินทางไปล่าสัตว์ในป่าของประเทศอินเดีบ ปล่อยให้ Catherine (Alison Doody) ภรรยาของเขานั่งรออยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ โดยมี Malli (Twinkle Sharma) เด็กสาววาดลวดลายสวยงามบนมือของเธอ ซึ่งเธอชอบมากจนอยากเอาตัวกลับไปไว้ที่บ้านด้วย แล้วเธอก็ใช้กำลังแย่งชิงพรากตัว Malli ไป
เรื่องนี้มีตัวเอก 2 คน คนแรกคือ Raju (Ram Charan) นายทหารชาวอินเดียที่ทำงานอยู่ในกองตำรวจอังกฤษ เปิดตัวมาด้วยฉากต่อสู้กับผู้ชุมนุมชาวอินเดียที่มองว่าเขาเป็นผู้ทรยศที่ไปสวามิภักดิ์ชาวอังกฤษกับศัตรูของชาวอินเดีย เป็นการเปิดตัวให้ผู้ชมรู้ว่าเขาเก่งกาจแค่ไหน ด้วยความสามารถในการสลายผู้ชุมนุมหลายหมื่นคนที่กำลังโกรธเกรี้ยวด้วยตัวคนเดียว ฉากนี้ทำให้นึกถึงตอนที่จอมมาร Sauron สู้กับกองทัพมิดเดิลเอิร์ธใน LORD OF THE RINGS
ตัวเอกอีกคนคือ Bheem (N. T. Rama Rao Jr.) ผู้พิทักษ์ของหมู่บ้านที่ต้องออกเดินทางตามหา Malli เด็กสาวที่ถูกลักพาตัวไป กับการเปิดตัวด้วยการต่อสู้กับเสือ! มีการประลองกำลังกับเสือ แต่สุดท้ายก็คือชนะได้ด้วยการขว้างยาสลบใส่
ฝ่ายอังกฤษก็ได้รับคำเตือนจากผู้หวังดีว่าให้รีบนำเด็กสาวกลับไปคืน ถ้าไม่อยากให้ทุกอย่างต้องย่อยยับพินาศจากฝีมือของผู้พิทักษ์เผ่าที่กำลังเดินทางมาทวงตัวสมาชิกคืน แต่ Catherine ไม่ยอมคืน อีกทั้งยังเสนอรางวัลตำแหน่งตำรวจพิเศษให้กับใครก็ตามที่สามารถจับตัวผู้พิทักษ์ (ที่ไม่มีใครรู้ว่ารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร) มาได้ Raju เห็นโอกาสที่เขาจะได้เลื่อนตำแหน่งจึงรีบเสนอตัวรับงานนี้
Raju แฝงตัวเข้าไปในกลุ่มชุมนุมของผู้ต่อต้านอังกฤษ และได้พบกับ Lacchu (Rahul Ramakrishna) ที่กำลังต้องการสมาชิกเพิ่มเพื่อช่วยหาตัว Malli แต่ระหว่างทาง Lacchu ไหวตัวหนีไปได้เมื่อรู้ว่าตัวจริงของ Raju คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ
โชคชะตาลิขิตให้ Raju และ Bheem ต้องมาเจอกันอยู่ดี พวกเขาร่วมมือกันช่วยเหลือเด็กที่ติดอยู่ท่ามกลางเพลิงไหม้ใต้สะพานข้ามแม่น้ำ แต่ดูยังไงเชือกก็ไม่น่าจะมีความยาวพอจะลงไปถึงตัวเด็กได้ XD หลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ว่าอยู่กันคนละฝ่าย Bheem ใช้ชื่อปลอมว่า Akhtar เพื่อปกปิดตัวจริงของเขา (แต่ถึงไม่ใช่ชื่อปลอมก็ไม่มีใครรู้อยู่แล้วล่ะว่าแกเป็นใคร)
Raju ยังช่วย Bheem จีบ Jenny (Olivia Morris) หญิงสาวชาวอังกฤษที่ Bheem แอบชอบ (ตัวจริงของเธอคือหลานสาวของ Catherine ที่ลักพาตัว Malli) ทั้งคู่สื่อสารกันไม่ค่อยได้ เพราะ Jenny พูดได้แต่ภาษาอังกฤษ ส่วน Bheem ก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ตรงจุดนี้ให้อารมณ์แบบละครน้ำเน่าหลังข่าวมาก คือ Jenny สนใจในตัว Bheem มาก บทของเธอมีความเพ้อเจ้อ พูดอะไรไม่รู้เยอะแยะ ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายฟังไม่รู้เรื่อง
RRR มีความยาว 3 ชั่วโมง แต่รู้สึกว่ามันยาวมาก ตอนดูต้องกดหยุดถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกเพิ่งผ่านไปแค่ 40 นาที ครั้งที่สองผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ครั้งที่สามคิดว่าใกล้จะจบแล้ว แต่ความจริงมันยังเหลืออีก 45 นาที! เนื้อเรื่องน่าจะทำได้ดีกว่านี้ มันวางพล็อตมาให้เดาเลยว่า Raju มีแผนการที่ยิ่งใหญ่กว่า (ยอมล้มแผนเพื่อช่วยเพื่อนที่เพิ่งเจอกันแค่ไม่กี่วัน) แต่ก็ยังร้ายไม่เท่า Jenny ที่ชวนผู้ชายที่เพิ่งเจอกันแค่ 2 ครั้งเข้าบ้าน!
ฉากที่ชอบสุดคือฉากบุกถล่มคฤหาสถ์ที่มีฝูงสัตว์มากมายกระโดดเด้งออกมาจากกรง (เลี้ยงด้วยเงินจากที่ไหน แล้วขนเข้ามาซ่อนในเมืองโดยไม่มีใครรู้ได้ยังไง แต่ก็ช่างมันเถอะ เรื่องนี้มันเหนือตรรกะไปแล้ว) กับการต่อสู้กันด้วยคบเพลิงและสายยางจากน้ำพุ โอ้โฮ คิดได้ไงเนี่ย บ้าไปแล้ว ถ้าเอาเงินไปจ้างคนเขียนบทที่พล็อตดีกว่านี้ ตัดต่อดีกว่านี้ อาจจะดีกว่าก็ได้ นี่ยังไม่นับเรื่องที่แผลหายได้ภายในไม่กี่นาทีหลังจากเอาใบไม้แปะ (กระดูกหักนะ ไม่ใช่มีดบาด)
คาดว่าเสียเวลาประมาณ 30 นาทีไปกับภาพสโลโมชันฉากต่อสู้ที่มีสเปเชียลเอฟเฟคมากมาย ฉากฟิลเลอร์ความสัมพันธ์แบบ bromance ของตัวเอกทั้งสองคน (อะไรคือการไปเดินเที่ยวบนภูเขาด้วยกัน… พอสักที!) นอกจากนี้ยังมีฉากย้อนอดีตที่ไม่รู้จะย้อนให้ดูทำไมหลายรอบ ดูครั้งเดียวก็เข้าใจแล้ว!
RRR เปิดฉายรอบพิเศษในประเทศอินเดียและสหรัฐอเมริกาวันที่ 24 มีนาคม 2022 และเปิดฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วโลกตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม
ความประหลาดของภาพยนตร์อินเดียก็คือเสียงต้นฉบับในเรื่องใช้ภาษา Telugu ซึ่ง ZEE5 ได้ลิขสิทธิ์ภาษาเตลูกู (Telugu), ทมิฬ (Tamil), มลยาฬัม (Malayalam) และ กันนาดา (Kannada) สำหรับการปล่อยให้สมาชิกรับชม ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2022
ส่วน Netflix ก็ได้ลิขสิทธ์ภาพยนตร์เรื่องนี้เช่นกัน แต่ได้เสียงพากย์ภาษาฮินดี (Hindi), อังกฤษ, โปรตุเกส, เกาหลี และสเปน ซึ่งไม่มีเสียงภาษาเตลูกูที่เป็นต้นฉบับ จึงไม่แน่ใจว่าเสียงต้นฉบับดีกว่าแค่ไหน
เสียงพากย์ภาษาฮินดีไม่ตรงกับปาก เสียงพากย์ที่ให้อารมณ์เหมือนภาพยนตร์ไทยสมัยโบราณที่เสียงจะโดดเด่นเหนือภาพไปอีกขั้น แต่ไม่รู้สึกถึงอารมณ์ที่ต้องการจะสื่อออกมา ดูแล้วหงุดหงิด นี่ถ้ามีพากย์ไทยก็คงกดเปิดฟังเสียงภาษาไทยไปแล้ว จะได้ไม่ต้องทนดูเสียงไม่ตรงปากแล้วยังต้องอ่านคำบรรยายอีก (Netflix ประเทศไทยตอนนี้มีแค่เสียงภาษาฮินดีเท่านั้น)