ภาพยนตร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชีวิตจริงของ Joseph Bologne คีตกวีผิวสีชาวฝรั่งเศส ผู้มีพรสวรรค์ทางดนตรี และยังมีทักษะรอบด้าน รวมถึงฝีมือฟันดาบอันยอดเยี่ยม
CHEVALIER
Stephen Williams
(2023)
ภาพยนตร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากประวัติชีวิตของ Joseph Bologne, Chevalier de Saint-Georges (1745 – 1799) นักประพันธ์ นักไวโอลินพรสวรรค์ ผู้มีฝีมือฟันดาบระดับแชมเปี้ยน เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็น concertmaster ในปี 1771 ซึ่งต่อมาเขาก็ได้เป็นผู้ควบคุมวงออร์เคสตราในปี 1773 และยังได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้ควบคุม Opéra de Paris ในปี 1776 แต่ถูกปฏิเสธเนื่องจากสีผิวของเขา ผลงานการประพันธ์เพลงของเขาได้รับความนิยม จนผู้คนนำไปเปรียบเทียบกับ Wolfgang Amadeus Mozart (1756 – 1791) และมอบฉายาให้เขาว่า “Black Mozart”
Joseph Bologne (Reuben Anderson) เป็นลูกชายของ Georges de Bologne Saint-Georges (Jim High) เจ้าของไร่ที่ร่ำรวยบนเกาะกัวเดอลุปของประเทศฝรั่งเศส และ Nanon (Ronke Adekoluejo) ทาสหญิงผิวสี ซึ่งเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของภรรยา (ในสมัยนั้นการแต่งงานระหว่างคนผิวขาวและคนผิวสีเป็นสิ่งต้องห้ามที่ผิดกฏหมาย) — Joseph มีพรสสวรรค์ด้านดนตรีมาตั้งแต่เด็ก พ่อของเขาจึงตัดสินใจพรากตัวลูกชายมาจากแม่ และส่ง Joseph ไปเข้ารับการศึกษาที่ Academie La Boëssière โรงเรียนประจำในกรุงปารีส
นอกจากพรสรรค์ด้านดนตรีแล้ว Joseph (Kelvin Harrison Jr.) ก็ได้พัฒนาทักษะด้านอื่นๆ จนกลายเป็นคนที่เก่งรอบด้าน ทั้งการประพันธ์เพลง ฟันดาบ ว่ายน้ำ ขี่ม้า เต้นรำ รวมถึงเทคนิคการเล่นไวโอลินที่เอาชนะ Mozart (Joseph Prowen) ได้ (จุดนี้น่าจะโม้ไปนิด เนื่องจากไ่ม่มีหลักฐานว่าทั้งสองคนเคยดวลไวโอลินต่อหน้าสาธารณชน ซึ่งมันทำให้ Joseph ดูเป็นเย่อหยิ่งอวดดี ทำไปเพื่อต้องการแสดงฝีมือ หักหน้าคนที่ไม่ได้มีความแค้นต่อกัน ความจริงแล้วทั้งคู่รู้จักกันดี และน่าจะเป็นเพื่อนกัน เพราะมีหลักฐานระบุช่วงปี 1778 ที่ทั้งคู่อาศัยอยู่บ้านเดียวกันในปารีส)
Joseph ได้รับการแต่งตั้งเป็น Chevalier de Saint-Georges โดย Marie-Antoinette (Lucy Boynton) พระราชินีแห่งประเทศฝรั่งเศส หลังจากสำแดงฝีมือฟันดาบเอาชนะนักดาบที่เก่งที่สุดได้ ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในเพื่อนคนสนิทของพระราชินี (เรื่องจริงคือเขาเป็นครูสอนดนตรีของพระราชินี)
หนึ่งปีต่อมา Joseph เชื่อว่าตัวเขามีความสามารถมากพอที่จะเป็นผู้อำนวยการของ Opéra de Paris (ปัจจุบันคือ Opéra national de Paris) และเขามั่นใจว่าเขาสามารถทำให้มันกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง แต่ปัญหาอยู่ที่คณะกรรมการหมายตา Christoph Gluck (Henry Lloyd-Hughes) คีตกวีชาวเยอรมันเอาไว้แล้ว Joseph จึงต้องแสดงฝีมือให้ทุกคนเห็นว่าเขามีคุณสมบัติที่เหมาะสมกว่า ด้วยการขอท้าประลอง — พระราชินี Marie-Antoinette เห็นโอกาสจึงเสนอให้ทั้งคู่แข่งกันด้วยการแต่งอุปรากร เพื่อแสดงต่อหน้าคณะกรรมการ และผู้ชนะก็จะได้ตำแหน่งผู้อำนวยการของ Opéra de Paris
Joseph ต้องการให้ Marie-Joséphine de Comarieu de Montalembert (Samara Weaving) มารับบทนำในอุปรากรของเขา แต่ Marc René, marquis de Montalembert (Marton Csokas) หัวหน้าวิศวกรทหารของกองทัพสามีของเธอ ตอบปฏิเสธ ด้วยเหตุผลว่าเขาไม่ต้องการให้ภรรยาของเขาไปร้องเล่นเต้นรำต่อหน้าผู้ชายในโรงละคร
หลังจาก Marc ออกเดินทางทำภารกิจของกองทัพ Marie-Joséphine ก็แอบมาพบกับ Joseph เพื่อบอกข่าวว่าเธอตกลงที่จะรับบทนำในอุปรากรของเขา ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ร่วมกันเพื่อซ้อมบทละคร จนความสัมพันธ์แบบลับๆ ของทั้งคู่พัฒนากลายเป็นความรักลึกซึ้ง
ผลงานของ Stephen Williams ผู้กำกับชาวแคนาดา กับเรื่องราวของ Joseph Bologne นักประพันธ์ชาวฝรั่งเศสที่ไม่ค่อยถูกหยิบมาพูดถึง ซึ่ง CHEVALIER น่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่เกี่ยวกับเขา องค์ประกอบศิลป์ เครื่องแต่งการ เสื้อผ้าหน้าผม สวยงามทุกฉาก เพลงประกอบเพราะ นักแสดงทุกคนเล่นได้สมบทบาท แม้ว่าจะมีหลายอย่างที่ถูกบิดเบือนจากความจริง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องบกพร่อง เพราะมันไม่ได้เป็นสารคดี
การผูกเรื่องโดยรวมค่อนข้างธรรมดา และไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไหร่ ตัวบทพยายามสร้างภาพว่า Joseph มีพรสวรรค์และความตั้งใจพัฒนาตัวเองด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่เด็ก แต่ความจริงในประวัติศาสตร์คือ Georges พ่อของเขาเดินทางไปกลับมาเยี่ยมลูกชายเรื่อยๆ (ไม่ใช่ทิ้งให้อยู่ในโรงเรียนประจำ) นอกจากนั้น Nanon แม่ของเขาก็ย้ายมาอยู่ปารีสเพื่อดูแลเขาด้วย (ต่างจากในบทภาพยนตร์ที่เขาเจอแม่อีกครั้งตอนโตเป็นหนุ่มแล้ว)
น่าเสียดายที่ภาพยนตร์เรื่องนี้พลาดโอกาสที่ควรจะแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับพรสวรรค์และความพยายามของ Joseph Bologne ให้ผู้ชมได้สัมผัสว่าเขาก้าวจากจุดต่ำสุด (เป็นลูกนอกสมรสของผู้หญิงผิวสี) มาถึงจุดสูงสุดของวงการดนตรีคลาสสิกได้อย่างไร
ส่วนที่ไม่ค่อยชอบคือการใช้ภาษาอังกฤษแทนภาษาฝรั่งเศส ปกติไม่ได้มีปัญหาถ้าตัวละครในเรื่องจะใช้ภาษาอังกฤษ แต่ไม่เข้าใจการใช้ภาษาอังกฤษโดยแสร้งว่ากำลังพูดภาษาฝรั่งเศส (ในเรื่องตัวละครแม่ใช้ภาษา Wolof ซึ่งเป็นภาษาของประเทศเซเนกัล แต่ตัวเอกบอกให้แม่พูดภาษาฝรั่งเศส หรือป้ายต่างๆ ก็ยังคงมืภาษาฝรั่งเศสเป็นส่วนประกอบ)
CHEVALIER ฉายรอบปฐมทัศน์ในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ Toronto วันที่ 11 กันยายน 2022 ก่อนจะเข้าฉายในประเทศฝรั่งเศส วันที่ 5 เมษายน และในสหรัฐอเมริกา วันที่ 21 เมษายน 2023 ส่วนในประเทศไทย ภาพยนตร์เรื่องนี้ปล่อยสตรีมมิงทาง Disney+ ตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน