เรื่องราวของชายหนุ่มที่ได้รับข้อเสนอจากบริษัทในลอนดอน ให้เข้ามาทำงานเป็นพนักงานฝึกหัด โดยที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าธุรกิจของบริษัทคืออะไร ภารกิจของเขาคือการตามหาประตูวิเศษ ซึ่งซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในอาคาร
The Portable Door
Jeffrey Walker
(2023)
ภาพยนตร์แฟนตาซีดัดแปลงจากหนังสือนิยายชื่อเดียวกันของ Tom Holt นักเขียนชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นหนังสือเล่มแรกในซีรีส์ J.W. Wells & Co. ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 2003 โดยในซีรีส์หนังสือนี้ยังมีอีก 6 เล่มคือ In Your Dreams (2004), Earth, Air, Fire and Custard (2005), You Don’t Have to Be Evil to Work Here, But it Helps (2006), The Better Mousetrap (2008), May Contain Traces of Magic (2009) และ Life, Liberty, and the Pursuit of Sausages (2011)
Paul Carpenter (Patrick Gibson) มีนัดสัมภาษณ์งานตำแหน่งบาริสต้าที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง แต่เกิดเหตุประหลาดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่นาฬิกาปลุกที่ดันมาพังในเช้าวันนี้ เครื่องปิ้งขนมปังที่ระเบิดตัวเอง เชือกผูกรองเท้าที่ขาดแล้วขาดอีก เส้นทางลัดที่โดนเจ้าหน้าที่เอาเครื่องกีดขวางมากั้น ราวกับสวรรค์กำลังขัดขวางไม่ให้เขาไปสัมภาษณ์งาน
เรื่องประหลาดยังไม่หมดแค่นั้น ระหว่างที่เขากำลังเข้าแถวหน้าร้านกาแฟเพื่อรอสัมภาษณ์งาน เขาเจอ Monty Smith-Gregg (Damon Herriman) ชายที่อ้างว่าเคยเป็นอาจารย์ที่ King’s College ซึ่งทำให้ Paul ต้องเดินออกจากแถวมาคุย จนเขาต้องไปเข้าแถวใหม่ที่ยาวกว่าเดิมหลายเท่า
หลังจากนั้นก็มีสุนัขกระโดดมาคาบผ้าพันคอของเขาแล้ววิ่งหนีไป Paul จึงต้องวิ่งไล่ตามเข้าไปในตรอกข้างอาคาร และเจอประตูที่มีป้ายแปะไว้ว่าเป็นประตูสำหรับผู้สมัครงาน ซึ่งภายในเป็นห้องขนาดใหญ่คล้ายห้องเก็บของเก่า เขาพบกับ Sophie (Sophie Wilde) ผู้สมัครอีกคนที่กำลังนั่งดูวิดิโอโฆษณาบริษัท J.W. Wells & Co. โดยที่เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทนี้เลย
Humphrey Wells (Christoph Waltz) ผู้บริหารสูงสุด และคณะกรรมการรู้สึกประทับในตัว Paul พวกเขาจึงตัดสินใจรับ Paul เข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานฝึกหัดที่ได้รับเงินเดือน และให้เริ่มงานได้ทันทีในวันรุ่งขึ้น
บริษัท J.W. Wells & Co. คือบริษัทที่ชักใยอยู่เบื้องหลังสิ่งที่มนุษย์เชื่อว่าเป็นโชคชะตา ความบังเอิญ หรือลิขิตสวรรค์ ด้วยเวทมนตร์และความช่วยเหลือจากก็อบลินปิศาจที่อาศัยอยู่ใต้ดิน ตามที่ผู้ว่าจ้างต้องการ
เป้าหมายที่แท้จริงของ Humphrey คือพลังพิเศษบางอย่างในตัว Paul ที่เขาต้องการให้มาช่วยค้นหาประตูวิเศษซึ่งเขาทำหายไป และเชื่อว่ามันยังคงซ่อนดัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในอาคารของบริษัท
ภาพยนตร์จากประเทศออสเตรเลีย ผลงานของ Jeffrey Walker อดีตนักแสดงที่ผันตัวมาเป็นผู้กำกับ และ Leon Ford นักแสดงที่เคยมีผลงานเขียนบทละครโทรทัศน์มาดัดแปลงต้นฉบับนิยายเป็นบทภายนตร์ ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องราวที่น่าสนุก เพราะมีทั้ง Christoph Waltz และ Sam Neill มารับบทนักแสดงสมทบ อีกทั้งเคมีของนักแสดงนำ Patrick Gibson และ Sophie Wilde ก็ดูเข้ากันดี แต่พวกเขาก็ไม่สามารถช่วยให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างความบันเทิงอย่างที่มันควรจะเป็น
นักแสดงทุกคนเล่นได้สมบทบาท แม้ว่าบุคลิกของ Rosie Tanner (Jessica De Gouw) จะดูคล้าย Effie Trinket (The Hunger Games) มากไปหน่อย วิชวลเอฟเฟคช่วงท้ายเรื่องที่ต่อสู้กันด้วยพลังเวทมนตร์ดูปลอมมาก ไม่เข้าใจว่าภาพยนตร์ปี 2023 ทำไมวิชวลเอฟเฟคยังแพ้ Harry Potter ที่ออกมาเมื่อ 22 ปีก่อนได้ยังไง ถ้าเป็นซีรีส์ละครโทรทัศน์ก็ยังพอถูไถไปได้
การเล่าเรื่องที่พยายามปกปิดเรื่องที่เป็นพ่อมด หรือเบี่ยงประเด็นว่าบริษัทนี้ทำอะไรกันแน่ กลับทำให้ผู้ชมรู้สึกรำคาญ เพราะมันเดาได้ไม่ยากอยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
ส่วนที่แย่สุดคือบทที่ไม่รู้จะไปทางไหนดี ช่วงแรกมีความมิติพิศวง พอช่วงกลางหลังจากที่ตัวเอกเจอประตูวิเศษ ก็กลายเป็นโรแมนติกคอมมิดีเฉยเลย งงมาก พอช่วงท้ายก็กลายเป็นทริลเลอร์ สยองขวัญ มีก็อบลินที่ดูก็รู้ว่าเป็นคนแต่งหน้าผี แล้วยังกล้าขึ้นเครดิตว่าเป็นผลงานของ The Jim Henson Company ทำให้เราคาดหวังว่าจะได้เห็นหุ่นก็อบลิน แต่สิ่งที่ได้เห็นคือลูกมังกรตัวจิ๋วที่เดินหายไปอย่างรวดเร็วแค่นั้น
The Portable Door เข้าฉายในประเทศออสเตรเลีย วันที่ 23 มีนาคม 2023 โดย Madman Entertainment ก่อนจะปล่อยสตรีมมิงทาง Stan. / Sky Cinema วันที่ 7 เมษายน และทาง MGM+ วันที่ 8 เมษายน