ภาคต่อของ PUSS IN BOOTS ที่มีความสมบูรณ์ในตัวของมันเอง เรียกได้ว่าเป็นสปินออฟตัวละครจาก SHREK อีกภาคที่ยอดเยี่ยม ชอบการแทรกมุขตลก และการออกแบบความสัมพันธ์ของตัวละครที่เข้ากันได้ดี เดินเรื่องได้ฉับไว สนุกมาก บทดีมาก ภาพสวยมาก
PUSS IN BOOTS
THE LAST WISH
Joel Crawford • Januel Mercado
(2022)
ภาคต่อของ PUSS IN BOOTS (2011) และเป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 6 ในซีรีส์ SHREK ของ DreamWorks Animation โดยเล่าเรื่องเหตุการณ์หลังจาก SHREK FOREVER AFTER (2010) ซึ่งผู้ชมไม่จำเป็นต้องดู SHREK หรือภาคก่อนหน้า ก็ยังสามารถเข้าใจเนื้อเรื่องทั้งหมดในภาคนี้ได้
Puss in Boots (Antonio Banderas) จัดงานปาร์ตี้ในคฤหาสน์ของเจ้าเมือง Del Mar แต่เจ้าเมืองกลับจากเดินทางมาเจอเข้า จึงเกิดการต่อสู้กันจนปลุกยักษ์หินที่หลับไหลให้ตื่นขึ้นมา แต่ Puss ก็สามารถกำราบยักษ์หินได้ด้วยความรวดเร็วและความฉลาด
ระหว่างที่ Puss กำลังยินดีกับชัยชนะ ท่ามกลางชาวบ้านแซ่ซ้อง เขาก็ถูกระฆังหล่นทับจนตาย และเมื่อเขาฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็ได้รับข่าวร้ายจากหมอว่า เขาได้ใช้ชีวิตของแมวไปแล้ว 8 ชีวิต นั่นก็หมายความว่าชีวิตที่ 9 ที่เหลืออยู่ก็คือชีวิตสุดท้ายของเขาแล้ว หมอจึงแนะนำให้เขารักษาชีวิตนี้ไว้โดยการปลดเกษียณตัวเองไปใช้ชีวิตแบบแมวบ้านธรรมดา
แน่นอนว่า Puss ซึ่งใช้ชีวิตอย่างโลดโผนไร้ความกลัวมาตลอด ไม่คิดว่าจะมีใครมาหยุดเขาได้ จนกระทั่งเขาได้พบกับ Wolf (Wagner Moura) หมาป่านักล่าฆ่าหัวที่เก่งกาจเหนือกว่าเขาหลายชั้น ทำให้ Puss เกิดกว่าหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
เขาตัดสินใจทิ้งดาบคู่ใจ นำชุด Puss in Boots ไปฝังไว้ แล้วหนีไปซ่อนตัวที่บ้านของ Mama Luna (Da’Vine Joy Randolph) หญิงชราผู้ให้ที่พักพิงกับฝูงแมวเป็นร้อยตัว และได้พบกับ Perrito (Harvey Guillén) สุนัขที่ปลอมตัวเป็นแมวเพื่อที่จะได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้
ชีวิตหลังเกษียณของ Puss ก็ต้องจบลงอย่างรวดเร็ว เมื่อ Goldilocks (Florence Pugh) และครอบครัวหมีตามกลิ่นของเขามาเพื่อจะจ้างให้เขาไปขโมยแผนที่ของดวงดาวซึ่งจะมอบพรวิเศษให้กับผู้ที่ค้นพบ เขาจึงคิดว่านี่คือโอกาสที่เขาจะได้ชีวิตที่เสียไปกลับคืนมาอีกครั้ง
Jack Horner (John Mulaney) กลายเป็นหนึ่งในตัวร้ายที่น่าจดจำที่สุด นักสะสมวัตถุเหนือธรรมชาติ ที่มีความวิปลาสร้ายกาจแบบไม่มีความดีหลงเหลืออยู่เลย (ในเรื่องมีตัวร้ายหลายตัว ตัวเอกของเรื่องก็ไม่ใช่แมวที่ดีเท่าไหร่)
Wolf เป็นตัวละครอีกตัวที่ชอบมาก ทั้งการออกแบบคาแรกเตอร์และเสียงผิวปากที่น่าขนลุก ตั้งแต่ฉากแรกที่ปรากฏตัวออกมา ก็สัมผัสได้เลยว่านี่มันไม่ใช่หมาป่านักล่าค่าหัวธรรมดา ออร่าแผ่ขยายออกมาราวกับเทพแห่งความตายขนาดนั้น
สนุกมาก บทดีมาก ภาพสวยมาก ทุกอย่างลงตัว เรียกว่าเป็นภาคต่อที่มีความสมบูรณ์ในตัวของมันเองโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาภาคอื่น น่าจะเรียกได้ว่าเป็นสปินออฟตัวละคร Puss in Boots อีกภาคที่ยอดเยี่ยม ชอบการแทรกมุขตลก และการออกแบบความสัมพันธ์ของตัวละครที่เข้ากันได้ดี เดินเรื่องได้ฉับไว ชอบการเลือกเอา wishing star หรือการขอพรจากดวงดาวที่คนทั่วไปน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว มาทำเป็นโครงเรื่องได้อย่างน่าสนใจ แม้ว่าตอนจบจะค่อนข้างเดินตามสูตรไปหน่อย แต่ก็ยังประทับใจมากอยู่ดี ใครที่ชอบแมว (และหมา) ก็คงตกหลุมรักเรื่องนี้ได้อย่างไม่ยากนัก
PUSS IN BOOTS: THE LAST WISH ฉายรอบปฐมทัศน์ที่ Lincoln Center ในนครนิวยอร์ก วันที่ 13 ธันวาคม 2022 ก่อนจะเปิดฉายในสหรัฐอเมริกา วันที่ 21 ธันวาคม ส่วนในประเทศไทยเข้าฉายด้วยชื่อ “พุซ อิน บู๊ทส์ 2” ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม